Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 21 ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 21

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย


ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำ
· ปากทางน้ำ (水口 สุ่ยโข่ว)
ปากทางน้ำเป็นเนื้อหาที่สำคัญในการดูพื้นที่ชัยภูมิ ที่เรียกว่าปากทางน้ำก็คือบริเวณที่กระแสน้ำไหลเข้าหรือกระแสน้ำไหลออก บริเวณที่น้ำมาเรียกว่า ประตูสวรรค์ (天門 เทียนเหมิน) ถ้าหากน้ำที่มามองไม่เห็นจุดกำเนิดของน้ำไหลเรียกว่า ประตูสวรรค์เปิด บริเวณน้ำไปเรียกว่าประตูพื้นดิน (地戶 ตี้ฮู่) ถ้ามองไม่เห็นน้ำไปเรียกว่า ประตูพื้นดินปิด ภูเขาที่อยู่ทางฝั่งทั้งสองข้างของบริเวณกระแสน้ำไหลไปเรียกว่า เนินเขาปากทางน้ำ (水口砂 สุ่ยโข่วซา) ปากทางน้ำถ้าหากว่าไม่มีเนินเขาสภาวการณ์ของน้ำก็จะไหลเชี่ยวกรากตรงออกไป
ขอบเขตของปากทางน้ำมีทั้งเล็กมีทั้งใหญ่ จากน้ำไหลเข้าจนถึงน้ำไหลออก บริเวณพื้นที่ทั้งหมดที่กระแสน้ำไหลผ่านก็คือขอบเขตของปากทางน้ำ ขอบเขตของปากทางน้ำเป็นอัตราส่วนของความมั่งคั่งร่ำรวย เนื้อที่ในการบรรจุปากทางน้ำที่ยิ่งกว้างใหญ่ ปริมาตรบรรจุที่จะสามารถรองรับได้ก็จะยิ่งมาก เนื้อที่รวมในการสร้างบุญวาสนาก็จะยิ่งมากด้วย ความคิดของปากทางน้ำนั้นค่อนข้างที่จะถูกต้อง ในปากทางน้ำขนาดใหญ่จะมีปากทางน้ำขนาดเล็ก เนื้อที่ของปากทางน้ำขนาดเล็กหลายๆ แห่งจะก่อตัวเป็นเนื้อที่ปากทางน้ำขนาดใหญ่ ในแต่ละหมู่บ้านก็จะมีปากทางน้ำในหมู่บ้าน ในแต่ละเมืองก็จะมีปากทางน้ำของแต่ละเมือง ในแต่ละมณฑลก็จะมีปากทางน้ำของแต่ละมณฑล

· ตำแหน่ง (穴 เซวี่ยะ) และการเลือกตำแหน่ง (點穴 เตี่ยนเซวี่ยะ)
ตำแหน่ง (穴 เซวี่ยะ) แบ่งออกเป็นตำแหน่งหยิน (陰穴 อินเซวี่ยะ) ตำแหน่งหยาง (陽穴 หยางเซวี่ยะ) ตำแหน่งหยางหมายถึงพื้นที่ตั้งของที่อยู่อาศัย ตำแหน่งหยินก็หมายถึงสุสานของคนตาย
เซวี่ยะ (穴) ความหมายเดิมคือ ห้องดิน เซวี่ยะ (穴) มีทั้ง รู รัง ถ้ำ หรือ บริเวณจุดที่ฝังเข็มรมยา เป็นต้น อาจารย์ฮวงจุ้ยใช้ตำแหน่งเป็นสุสานของคนตายหรือที่อยู่อาศัยของคนเป็น หรือก็คือ ตำแหน่งหมายถึง พื้นที่ตั้งที่เป็นรูปธรรม เป็นจุดๆ หนึ่งในบริเวณพื้นที่ชุมชนที่มีการกำหนดเลือกขอบเขตที่ค่อนข้างใหญ่ การเลือกตำแหน่ง (點穴 เตี่ยนเซวี่ยะ) ก็หมายถึงการชี้เฉพาะเจาะจงหรือกำหนดพื้นที่ตั้งสิ่งก่อสร้างที่แน่ชัด
อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าตำแหน่งเป็นสิ่งที่ฟ้าสร้าง ก็คือมีมังกรดำรงชีวิตอยู่จึงจะเป็นตำแหน่งที่มีชีวิต ตำแหน่งอย่างไรจึงจะดี ก่อนอื่นต้องการมังกรที่แท้จริง มองดูพื้นที่แล้วจึงเลือกตำแหน่ง เมื่อเลือกตำแหน่งแล้วก็สำรวจมังกร มังกรที่แท้จริงจำเป็นจะต้องประสานตำแหน่ง ต่อมาจึงค่อยดูมังกรเขียว เสือขาว หมิงถัง และ ปากทางน้ำ จะต้องมีลักษณะที่หรูหราและน่าเกรงขาม ภูเขาและสายน้ำที่ด้านหน้าคือแท้จริง ภูเขาและสายน้ำที่ด้านหลังคือปลอม ป้องลม รับน้ำ กักพลัง คือมีชีวิต ลมพัด น้ำสั่นไหว พลังกระจาย คือตาย
อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าการเลือกตำแหน่งเป็นเรื่องที่ยากมากอย่างหนึ่ง ใช้เวลาสามปีในการแสวงหามังกร แต่ต้องใช้เวลาสิบปีในการเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิ หลังจากที่ดูชีพจรมังกรและหมิงถังแล้วก็ต้องทำการเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งผิดทุกอย่างก็จะเสียแรงเปล่า ซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ ผิดเพียงแค่นิดเดียวทุกอย่างก็จะไม่เป็นผล วาสนาก็จะกลายเป็นหายนะได้

· เนินเขา (砂 ซา)
เนินเขา คือ ภูเขาที่อยู่รอบทั้งสี่ด้านของตำแหน่ง ความคิดฮวงจุ้ยเชื่อว่า ภูเขาหนาคนจะอุดมสมบูรณ์ ภูเขาผอมชะลูดคนจะหิวโซ ภูเขาใสสะอาดคนจะมีเกียรติ ภูเขาชำรุดเสียหายคนจะโศกเศร้า ภูเขารวมกันคนจะชุมนุมกัน ภูเขาไปคนก็จะจากไป ภูเขายืดขยายยาวคนจะมีความกล้าหาญ ภูเขาหดเล็กคนจะต่ำต้อย ภูเขาสว่างคนจะบรรลุถึงผลสำเร็จ ภูเขามืดคนจะหลงใหลงมงาย รูปทรงของภูเขาเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ด้านซ้ายมองดูแล้วเป็นทรงเหลี่ยม ด้านขวามองดูแล้วเป็นทรงกลม มองจากทางด้านบนแล้วตรง มองจากทางด้านล่างแล้วเอียง มองจากทางด้านตรงแล้วน่าเกลียด มองจากทางด้านข้างแล้วสวยงาม
จะทำให้รูปทรงภูเขาเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งได้ดีก็จะสามารถทำให้ภูเขาที่อยู่ไกลกลายเป็นใกล้ ภูเขาสูงกลายเป็นเตี้ย ภูเขาน่าเกลียดกลายเป็นสวยงาม ภูเขาที่เลวร้ายกลายเป็นยอดเยี่ยม ภูเขาไปกลายเป็นกลับมา ภูเขาลาดเอียงกลายเป็นตั้งตรง
ที่ด้านข้างสองฝั่งทางด้านหน้าตำแหน่งคือเนินเขา ซื่อซา (侍砂) สามารถต้านทานลมที่เลวร้าย ตั้งแต่ส่วนที่มังกรโอบกอดคือเนินเขา เว่ยซา (衛砂) ด้านนอกสามารถต้านทานลม ด้านในสามารถเพิ่มเติมพลัง โอบกอดพันรอบด้านหน้าตำแหน่งคือเนินเขา อิ๋งซา (迎砂) ด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านคือเนินเขา ฉาวซา (朝砂) น้ำมาทางซ้าย เนินเขาเลี้ยวขวา น้ำมาทางขวา เนินเขาเลี้ยวซ้าย
ฮวงจุ้ยยังพิถีพิถันการจัดวางโดยรวม บริเวณโดยรอบของตำแหน่งล้วนมีเนินเขาแห่งความร่ำรวยและมีเกียรติ ถือเป็นมงคล การจัดเรียงของเนินเขาต้องเป็นชั้นๆ ซ้อนกัน มีลำดับหน้าหลัง ซึ่งจะเหมือนมีความหมายว่ามีไมตรี ที่ปลายเนินเขามีกระแสน้ำไหลซู่ซ่าโอบล้อมไหลอย่างเอื่อยๆ ก็คือเนินเขาที่ดี
· ทิศทาง (向 เซี่ยง)
หมายถึงทิศทางของที่อยู่อาศัยหรือสุสาน เมื่อรวมกับมังกร เนินเขา ตำแหน่ง และ น้ำ จะถือเป็นห้าข้อสำคัญใหญ่ของศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิ นักวิชาการเชื่อว่า ทิศทางต้องอาศัยด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าเป็นสายน้ำ อิงทิศเหนือ ประจัญทิศใต้ หลบเลี่ยงความเป็นอัปมงคล รับความเป็นมงคล ถือเป็นดี การกำหนดทิศทางก็ต้องสำรวจดูลักษณะพื้นที่ และก็ต้องใช้เข็มทิศทำการวัด แล้วจึงค่อยอาศัยทิศทางของลักษณะพื้นที่มาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ
· สัญลักษณ์ดวงชะตา (命卦 มิ่งกว้า)
กลุ่มสำนักปาจ๋ายได้นำดวงชะตาคนเราแบ่งออกเป็นสี่ตะวันออกและสี่ตะวันตก ซึ่งเรียกว่า “สัญลักษณ์ดวงชะตา (命卦 มิ่งกว้า)”
คนที่มีสัญลักษณ์ดวงชะตาเป็น ข่าน (坎) ธาตุน้ำ เจิ้น (震) ธาตุไม้ ซวิ่น (巽) ธาตุไม้ และ หลี (離) ธาตุไฟ ถือเป็นคนดวงชะตาตะวันออก เหมาะที่จะประกอบเข้ากันกับทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ และ ทิศเหนือ สี่ทิศตะวันออกเหล่านี้ ส่วนคนที่มีสัญลักษณ์ดวงชะตาเป็น คุน (坤) ธาตุดิน เกิ้น (艮) ธาตุดิน เฉียน (乾) ธาตุโลหะ และ ตุ้ย (兌) ธาตุโลหะ ถือเป็นคนดวงชะตาตะวันตก เหมาะที่จะประกอบเข้ากันกับทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สี่ทิศตะวันตกเหล่านี้

· สิบพื้นที่อัปมงคล
มีนักวิชาการฮวงจุ้ยนำเอาการเลือกฮวงจุ้ยสิบประเภทที่ไม่เป็นผลดีต่อหยินจ๋ายและหยางจ๋ายแบ่งออกเป็นสิบพื้นที่อัปมงคล ดังนี้
ขัดต่อเทียนป้าย (天敗) ลูกหลานจะหนีหาย
ขัดต่อเทียนซา (天殺) ลูกหลานจะลำบาก เป็นทุกข์
ขัดต่อเทียนเฉวี๋ยง (天窮) ลูกหลานจะโดดเดี่ยว
ขัดต่อเทียนชง (天沖) ลูกหลานจะเกียจคร้าน เอ้อระเหย
ขัดต่อเทียนชิง (天傾) จะพ่ายแพ้สูญสิ้น
ขัดต่อเทียนซือ (天濕) โรคภัยไข้เจ็บจะรุมเร้า
ขัดต่อเทียนยวี่ (天獄) ลูกหลานจะดื้อรั้น โง่เขลา
ขัดต่อเทียนโก่ว (天狗) ลูกหลานจะเนรคุณ
ขัดต่อเทียนหมอ (天魔) ลูกหลานจะยากจนข้นแค้น
ขัดต่อเทียนคู (天枯) จะสูญสิ้นลูกหลาน

· พลังพิฆาต (煞 ซา)
ในวิชาฮวงจุ้ยเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีเรียกว่า พลังพิฆาต (煞 ซา) พลังพิฆาตที่มักพบในชีวิตประจำวันมี
ฝ่านกวงซา (反光煞 พลังพิฆาตแสงสะท้อน)-เนื่องจากการสะท้อนแสงของพระอาทิตย์ ผิวน้ำ และกระจก จึงถูกเรียกว่า ฝ่านกวงซา (反光煞 พลังพิฆาตแสงสะท้อน)
เกอเจี่ยวซา (割腳煞 พลังพิฆาตเกี่ยวขา)-จะเห็นน้อยมากในเมือง เพราะเป็นบ้านที่อยู่ติดกับน้ำ หรือเป็นอาคารใหญ่ที่อยู่ใกล้ผิวน้ำ
เหลียนเตาซา (鐮刀煞 พลังพิฆาตรูปเคียว)-คือสะพานที่โค้งหรือถนนที่มีรูปทรงโค้ง
กูเฟิงซา (孤峰煞 พลังพิฆาตยอดเขาโดดเดี่ยว)-หมายถึงอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงอาคารเดียว หน้า หลัง ซ้าย ขวา ไม่มีภูเขาหรืออาคารให้พึ่งพิง
เชียงซา (槍煞 พลังพิฆาตรูปปืน)-นี่เป็นพลังที่ไร้ตัวตนชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ถนนตรงสายหนึ่ง ปืนกระบอกหนึ่ง” ก็หมายถึง ประตูบ้านตรงกับทางเดินตรงยาวเส้นหนึ่ง ก็คือการขัดต่อเชียงซา
ป๋ายหู่ซา (白虎煞 พลังพิฆาตเสือขาว)-หมายถึงทางด้านขวาของที่อยู่อาศัยมีสภาวการณ์ของการก่อสร้างหรือการขยับหน้าดิน
เทียนจ่านซา (天斬煞 พลังพิฆาตผ่ากลางฟ้า)-อาคารสองหลังอยู่ใกล้กันมากเกินไปจนทำให้ระหว่างอาคารทั้งสองหลังนี้ก่อเกิดเป็นช่องโหว่ที่แคบเล็ก มองไกลๆ ก็จะเหมือนกับอาคารถูกขวานฟันลงมาจากบนฟ้า ผ่าแยกจากหนึ่งเป็นสอง
ชวานซินซา (穿心煞 พลังพิฆาตทะลุกลางใจ)-อาคารที่ถูกสร้างรถไฟใต้ดินหรืออุโมงค์ใต้ดินทะลุผ่านใต้พื้นอาคารไป ก็คือการขัดต่อชวานซินซา
เหลียนเจินซา (廉貞煞)-โดยทั่วไปแล้วฮวงจุ้ยจะให้ความสำคัญกับด้านหลังมีหลักให้พึ่งพิงอาศัย แต่ถ้าหากภูเขาที่ให้พึ่งพิงอาศัยนั้นไม่ใช่ภูเขาที่มีชื่อ แต่เป็นภูเขาหินขรุขระมีเหลี่ยมแหลม ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าขึ้น ในวิชาฮวงจุ้ยก็จะเรียกว่าเป็นเหลียนเจินซา
เทียนเฉียวซา (天橋煞 พลังพิฆาตสะพาน)-สะพานหรือสะพานลอยจากที่สูงและลงมามักจะมีสภาวการณ์ไปของความลาดเอียงโค้งงอ สะพานเป็นน้ำปลอม ความลาดเอียงไปก็คือน้ำไป
คายโข่วซา (開口煞 พลังพิฆาตเปิดปาก)-เมื่อคุณเปิดประตูบ้านของตัวเองแล้วมองเห็นประตูลิฟต์เปิดปิด ก็จะเหมือนกับปากของเสือนั่นเอง
ชงซา (沖煞 พลังพิฆาตปะทะ)-พูดจากมุมมองทางฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัยที่อยู่ต่ำกว่าชั้นห้าลงมาจะค่อนข้างขัดต่อชงซาได้ง่าย เพราะว่าที่อยู่อาศัยโดยมากแล้วจะถูกเสาไฟฟ้าหรือต้นไม้บดบัง

· สภาวการณ์ (形勢 สิงซื่อ)
สภาวการณ์ (形勢 สิงซื่อ) ในศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิหมายถึงลักษณะภูมิประเทศ (地形 ตี้สิง) และภูมิประเทศที่หมายถึงลักษณะความสูงต่ำของพื้นที่ (地勢 ตี้ซื่อ) ซึ่ง สิง (形 รูปลักษณ์ รูปร่าง) กับ ซื่อ (勢 อิทธิพล แนวโน้ม) มีความแตกต่างกัน อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่า พันเมตรคือ ซื่อ (勢) ร้อยเมตรคือ สิง (形) รูปลักษณ์เล็กกว่าอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มใหญ่กว่ารูปลักษณ์ อิทธิพลแนวโน้มคือทิวทัศน์ที่อยู่ไกล รูปลักษณ์คือการมองในระยะใกล้ รูปลักษณ์คือเนื้อที่ของอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มคือความสูงส่งของรูปลักษณ์ มีอิทธิพลแนวโน้มหลังจากนั้นจึงค่อยมีรูปลักษณ์ มีรูปลักษณ์แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยรู้จักอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มตั้งอยู่ก่อนรูปลักษณ์ รูปลักษณ์ก่อตัวขึ้นหลังจากอิทธิพลแนวโน้ม รูปลักษณ์อยู่ด้านใน อิทธิพลแนวโน้มอยู่ด้านนอก รูปลักษณ์คือภูเขาลูกเดียว อิทธิพลแนวโน้มคือกลุ่มเขาที่ขึ้นลง รู้จักอิทธิพลแนวโน้มนั้นยาก มองดูรูปลักษณ์นั้นง่าย
· ยุคใหญ่ (大運 ต้ายวิ่น) และยุคเล็ก (小運 เสี่ยวยวิ่น)
เจี่ยจื่อ (甲/子) หกสิบปี เป็นหนึ่งหยวน หนึ่งหยวน หกสิบปี เป็นยุคใหญ่ ในหนึ่งหยวนทุกๆ ยี่สิบปีเป็นยุคเล็ก นักวิชาการฮวงจุ้ยนำมาใช้กำหนดความรุ่งเรืองความเสื่อมถอยของพลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่)

· ไท่สุ่ย (太歲)
ไท่สุ่ย (太歲) หมายถึงดาวไท่สุ่ย พูดให้ถูกต้องจริงๆ แล้วก็คือ ดาวจูปิเตอร์ในกลุ่มดาวทางช้างเผือก ดาวจูปิเตอร์เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ฉะนั้นดาวดวงนี้จึงเป็นดาวอันดับแรกของกลุ่มดาวที่มีต่อแรงโน้มถ่วงของโลก
ดาวจูปิเตอร์เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีความสะดุดตาต่อผู้คนมากที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ความสว่างของมันเป็นรองเพียงแค่ดาววีนัสเท่านั้น สมัยจีนโบราณเรียกมันว่า “ซุ่ยซิง (歲星)” ซึ่งนำมันมาใช้จดบันทึกปี เนื่องจากได้รู้ว่ารอบระยะเวลาในการโคจรของมันใกล้กับยี่สิบปี และปีสิบสองนักษัตรก็เปลี่ยนแปลงไปตามการโคจรของไท่สุ่ย ในทุกๆ ปีที่ดาวจูปิเตอร์มาถึงทิศทางใดทิศทางหนึ่งบนโลก ก็จะเพิ่มเติมแรงโน้มถ่วงของโลกในทิศทางนั้นให้แข็งแกร่ง และไท่สุ่ยจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละปี

· หมิงถัง (明堂)
ในฮวงจุ้ยเรียกด้านหน้าประตูบ้านของหยางจ๋ายหรือขอบเขตด้านหน้าของ หยินจ๋ายว่า หมิงถัง (明堂) ซึ่งเป็นบริเวณที่พลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่) มาชุมนุมรวมตัวกัน หมิงถังต้องสะอาด กว้างขวาง ป้องลม กักพลัง เป็นดี การดูพื้นที่ชัยภูมิต้องเลือกหมิงถังที่ดี หลังจากนั้นจึงค่อยเลือกตำแหน่ง เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายในการรับความเป็นมงคลหลีกเลี่ยงความเป็นอัปมงคล

· การเลือกความเป็นมงคล (擇吉 เจ๋อจี๊)
การเลือกความเป็นมงคลคือเทคนิคอย่างหนึ่ง สิ่งที่ทำการเลือกนั้นก็คือเวลาและพื้นที่ ส่วนความคุ้มค่าก็คือการได้รับความราบรื่นและเป็นสิริมงคล จุดประสงค์อื่นคือการรับความเป็นมงคลและหลบเลี่ยงความเป็นอัปมงคล เนื้อหาในการเลือกนั้นก็กว้างขวางมาก ที่สำคัญก็มีการเลือกวันที่เป็นมงคล การขยับหน้าดิน การซ่อมแซม การเดินทาง การแต่งงาน การเปิดกิจการ เป็นต้น
การเลือกความเป็นมงคลคือการสะท้อนสภาพการดำรงชีวิตของมนุษย์ธรรมชาติขนาดใหญ่ ได้เสนอเงื่อนไขที่เป็นผลดีมากมายให้แก่มนุษย์ และก็ยังได้เสนอปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีมากมายให้แก่มนุษย์ด้วย มนุษย์จะต้องใช้เงื่อนไขของธรรมชาติขนาดใหญ่ให้อย่างเต็มที่ พิชิตควบคุมปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีที่ธรรมชาติขนาดใหญ่เป็นผู้สร้างขึ้น ก็คือต้องหลีกเลี่ยงและควบคุมปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีเหล่านี้ การเลือกความเป็นมงคลก็คืออาศัยภูมิฟ้าและภูมิดินเป็นพื้นฐาน อาศัยโป๊ยก่วย เก้าดาว 28 กลุ่มดาว ภูมิฟ้า ภูมิดิน ห้าธาตุ ปี เดือน วัน เวลา เป็นต้น ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการคาดการณ์ความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล เพื่อให้คนเราดำเนินการทำเรื่องราวต่างๆ ในเวลาที่เป็นผลดี เพื่อบรรลุถึงบทบาทของความปลอดภัย ความราบรื่น และการคลี่คลายเป็นอัปมงคลให้เป็นมงคล เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่มีอยู่จริงของการแสวงหาการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของ ฟ้า ดิน มนุษย์ ของคนในสมัยโบราณ

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

วันที่ 3/05/2557 เวลา 0:14 น

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 20 ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 20

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย


ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำ
· ความหมายแฝงของ 24 ภูเขา
การศึกษาฮวงจุ้ยจำเป็นจะต้องเข้าใจในเรื่องทิศทาง ตำแหน่งพระราชวังของทั้งแปดสัญลักษณ์ใช้ชื่อของทั้งแปดสัญลักษณ์เป็นตัวแทนของทิศเหนือ ใต้ ออก ตก เป็นต้น
พระราชวังเจิ้น (震) คือ ทิศตะวันออก
พระราชวังซวิ่น (巽) คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
พระราชวังหลี (離) คือ ทิศใต้
พระราชวังคุน (坤) คือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้
พระราชวังตุ้ย (兌) คือ ทิศตะวันตก
พระราชวังเฉียน (乾) คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
พระราชวังข่าน (坎) คือ ทิศเหนือ
พระราชวังเกิ้น (艮) คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ถ้าหากมีคนมาดูฮวงจุ้ยให้คุณแล้วพูดว่า “พระราชวังเจิ้น (震) ในปีนี้มีดาวห้าผีโคจรมายังตำแหน่ง แล้วประตูของบ้านคุณเป็นประตูเจิ้น (震) ปีนี้ครอบครัวจะไม่มีความปลอดภัย” ประตูเจิ้นในที่นี่ก็คือประตูในทิศตะวันออกนั่นเอง
นอกจากทิศทางทั้งแปดพระราชวังแล้ว อาจารย์ฮวงจุ้ยยังจะต้องใช้ทิศทางทั้ง 24 ในการวินิจฉัยความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล ในแต่ละทิศทางจะมี 15 องศา ในทางฮวงจุ้ยเรียกว่า 24 ภูเขา พวกมันก็คือ เจี่ย (甲) เหม่า (卯) อี่ (乙) เฉริน (辰) ซวิ่น (巽) ซื่อ (巳) ปิ่ง (丙) อู่ (午) ติง (丁) เว่ย ( 未 ) คุน (坤) เซิน (申) เกิง (庚) โหย่ว (酉) ซิน (辛) ซวี (戌) เฉียน (乾) ไห้ (亥) เหยิน (壬) จื่อ (子) กุ่ย (癸) โฉ่ว (丑) เกิ้น (艮) อิ๋น (寅)
เข็มทิศหลัวผาน ใช้ “เหม่า (卯)” เป็นตัวแทนของทิศตะวันออก
ใช้ “อู่” (午) เป็นตัวแทนของทิศใต้
ใช้ “โหย่ว” (酉) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตก
ใช้ “จื่อ” (子) เป็นตัวแทนของทิศเหนือ
ใช้ “ซวิ่น” (巽) เป็นตัวแทนของทิศตะวันออกเฉียงใต้
ใช้ “คุน” (坤) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตกเฉียงใต้
ใช้ “เฉียน” (乾) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ใช้ “เกิ้น” (艮) เป็นตัวแทนของทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เหล่านี้คือภูเขาหลักของแต่ละสัญลักษณ์ แล้วที่ด้านข้างทั้งสองของมันก็จะเป็นทิศที่ค่อนไปอีกทิศทางหนึ่ง เช่น “เฉริน (辰) ซวิ่น (巽) ซื่อ (巳)” ถือเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ “ซวิ่น (巽)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ตรง ส่วน “เฉริน (辰)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่ค่อนไปทางทิศตะวันออก ส่วน “ซื่อ (巳)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่ค่อนไปทางทิศใต้ 24 ภูเขาที่เหลือก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

· เทียนซินสือต้าว (天心十道)
เทียนซิน (天心) หมายถึง ใจกลางหมิงถังของหยินจ๋ายและหยางจ๋าย เทียนซินสือต้าว (天心十道) เป็นการยืนยันทิศทางของฮวงจุ้ย อาศัยภูเขาทั้งสี่ทิศทางทั้งหน้า หลัง ซ้าย ขวา ที่มีจุดตัดพอดีกันเป็นพื้นฐาน แล้ววาดเครื่องหมาย  ออกมาตรงใจกลางหมิงถัง ซึ่งก็คือ สือต้าว (十道) อย่างง่ายๆ
ที่เรียกว่าสี่ทิศทางก็หมายถึงภูเขาทางด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวา ของใจกลางหมิงถัง และต้องอาศัยความพอดีกันจึงจะดี ถ้าหากทั้งสี่ทิศทางได้สัดส่วนที่ครบถ้วนสมบูรณ์และประสานไปทางตำแหน่ง ฮวงจุ้ยเชื่อว่านี่เป็นปรากฎการณ์แห่งความมีคุณค่า
ในหยางจ๋ายให้วาดเครื่องหมาย 十ไว้ตรงกลางบ่อสวรรค์ (天井 เทียนจิ่ง) สี่ทิศทางก็คือกำแพงทั้งสี่ด้าน โดยมากแล้วจะวาดเครื่องหมาย  ไว้ที่ระหว่างด้านในของประตูใหญ่ของบ้าน ด้านนอกของประตูบ้านด้านใน หรือ ตรงกลางจุดสูงสุดของลานบ้าน หลังจากนั้นใช้เข็มทิศวัดที่จุด 十 เพื่อกำหนดทิศทาง 24 ภูเขา กำหนดสี่บ้านตะวันออกกับ สี่บ้านตะวันตก และ มองดูความสัมพันธ์ที่ร่วมกันของประตูบ้าน ห้องนอน เตา เพื่อกำหนดความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล

· พลัง (氣 ชี่)
พลัง ในศาสตร์ฮวงจุ้ยถือเป็นเรื่องทั่วไปมาก และเป็นความคิดที่มีความสำคัญมาก มีพลังชีวิต (生氣 เซิงชี่) พลังตาย (死氣 สื่อชี่) พลังหยาง (陽氣 หยางชี่) พลังหยิน (陰氣 อินชี่) พลังดิน (土氣 ถู่ชี่) พลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่) พลังทวีคูณ (乘氣 เฉิงชี่) การชุมนุมพลัง (聚氣 จวี้ชี่) การรับพลัง (納氣 น่าชี่) ชีพจรพลัง (氣脈 ชี่ม่าย) แม่ของพลัง (氣母 ชี่หมู่) เป็นต้น
พลังเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง พลังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด พลังตัดสินหายนะและบุญวาสนาของคนเรา “หลี่ชี่ (理氣)” เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก ต้องประสานกันกับหยินหยางห้าธาตุ และในสถานที่จริงนั้นต้องได้รับปรากฏการณ์ความรุ่งเรืองด้วย จึงจะสามารถได้รับ “พลังชีวิต (生氣 เซิงชี่)” เมื่อมีพลังชีวิตแล้วก็จะสามารถเกิดความมั่งคั่งร่ำรวย ฉะนั้นจริงๆ แล้วศาสตร์ฮวงจุ้ยก็คือ “ศาสตร์การมองดูพลัง”
ศาสตร์ฮวงจุ้ยอาศัยพลังเป็นจุดกำเนิดสรรพสิ่ง เชื่อว่าโลกเริ่มต้นจากไม่มี (ไม่เคยเห็นพลัง) ไปจนถึงมี (จุดเริ่มต้นของพลัง) พลังคือจุดกำเนิด มันแบ่งออกเป็นหยินและหยาง และยังแบ่งออกเป็นสสารห้าชนิด โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน (ห้าธาตุ) ความรุ่งเรืองและความตกต่ำของสสารเหล่านี้ล้วนมีกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ อีกทั้งมีทั้งหายนะและบุญวาสนา ซึ่งหายนะและบุญวาสนาเหล่านี้ล้วนสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

· มังกร (龍 หลง)
“ห้าเคล็ดลับภูมิประเทศ” อันดับแรกของศาสตร์ฮวงจุ้ยก็คือ มังกร ตำแหน่ง เนินเขา สายน้ำ และ ทิศทาง ส่วนกิจกรรมที่สอดคล้องกันก็คือ “การแสวงหามังกร การสำรวจเนินเขา การสังเกตน้ำ การเลือกตำแหน่ง และ การวัดตั้งทิศทาง”
มังกรคืออะไร มังกรก็คือเส้นเลือดของภูเขา ดินคือเนื้อหนังของมังกร หินคือกระดูกของมังกร ต้นไม้ต้นหญ้าคือเส้นขนและเส้นผมของมังกร การแสวงหามังกรก่อนอื่นควรจะแสวงหาภูเขาบรรพบุรุษและภูเขาพ่อแม่ก่อน ที่เรียกว่า ภูเขาบรรพบุรุษก็คือจุดเริ่มต้นของเทือกเขา บริเวณจุดกำเนิดของกลุ่มภูเขา ภูเขาพ่อแม่ก็คือการเข้าไปบริเวณเทือกเขาเป็นอันดับแรก การสำรวจชีพจรพลังก็หมายถึงการสำรวจดูว่าเทือกเขานั้นคดเคี้ยวขึ้นลงเหมือนกันหรือไม่ สันเขาแยกและสันเขาร่วมของเทือกเขามีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปหรือไม่ ถ้ามีก็จะเป็นมงคล มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นอัปมงคล การแสวงหามังกรจะต้องแบ่งออกเป็นเก้าสภาวการณ์ ซึ่งมีดังนี้
หุยหลง (迴龍) ชูหยางหลง (出洋龍)
เจี้ยงหลง (降龍) เซิงหลง (生龍)
จวี้หลง (巨龍) เจินหลง (針龍)
เถิงหลง (騰龍) หลิ่งฉวินหลง (領群龍) และ
หลายหลง (來龍)
ให้อาศัยสภาวการณ์ภูเขาที่คดเคี้ยวมาแต่ไกลเป็นมงคล

· ชีพจรมังกร (龍脈 หลงม่าย)
ม่าย (脈) ความหมายเดิมคือ เส้นเลือด คนสมัยก่อนจะคุ้นเคยเรียกการเชื่อมโยงระหว่างภูเขาและแม่น้ำว่าม่าย คนรุ่นหลังมักจะเปรียบเทียบภูมิประเทศว่ามีระเบียบแบบแผนและมีการเชื่อมโยง
ความสูงต่ำขึ้นลงและความคดเคี้ยวของภูเขาและแม่น้ำเหมือนดั่ง มังกรซุ่ม (龍伏 หลงฝู่) มังกรเต้นรำ (龍舞 หลงอู่) มังกรทะยาน (龍騰 หลงเถิง) มังกรบิน (龍飛 หลงเฟย) ดังนั้นอาจารย์ฮวงจุ้ยจะเรียกภูเขาและแม่น้ำว่าหลงม่าย ประเทศจีนมีพื้นที่สองในสามส่วนที่เป็นภูเขาและแม่น้ำ เช่นนี้ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ล้วนมีหลงม่าย

· น้ำ (水 สุ่ย)
น้ำ อีกชื่อหนึ่งคือ “ไว่ชี่ (外氣 พลังจากภายนอก)” ฮวงจุ้ยเชื่อว่าน้ำเป็นแม่ของพลัง พลังอาศัยน้ำในการขนย้ายจึงดำเนินการ แล้วน้ำถูกสกัดกั้นจึงหยุดนิ่ง การแสวงหามังกรเพื่อเลือกตำแหน่งต้องทำการวินิจฉัยและพิสูจน์ตามขนาด ทิศทาง และ รูปทรง ของกระแสน้ำ
น้ำคืออะไร ลำน้ำที่ไหลติดตามเทือกเขามาก็คือน้ำ สิ่งสำคัญอันดับแรกของการสำรวจน้ำคือการสำรวจปากทางน้ำ ตัวปากทางน้ำเองมีจุดที่กระแสน้ำไหลเข้าและจุดที่กระแสน้ำไหลออก จุดที่กระแสน้ำไหลเข้าต้องเปิดกว้าง จุดที่กระแสน้ำไหลออกต้องปิดมิด ต่อมาก็คือการสำรวจรูปทรงน้ำอย่างเป็นรูปธรรม สภาวการณ์น้ำต้องชุมนุมและผ่อนคลายจึงเป็นมงคล น้ำที่ปะทะเชี่ยวกรากเป็นอัปมงคล

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุคได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 26/04/2557 เวลา 0:22 น.

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 19 ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 19

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำ
· ตำแหน่ง (穴 เซวี่ยะ) และการเลือกตำแหน่ง (點穴 เตี่ยนเซวี่ยะ)
ตำแหน่ง (穴 เซวี่ยะ) แบ่งออกเป็นตำแหน่งหยิน (陰穴 อินเซวี่ยะ) ตำแหน่งหยาง (陽穴 หยางเซวี่ยะ) ตำแหน่งหยางหมายถึงพื้นที่ตั้งของที่อยู่อาศัย ตำแหน่งหยินก็หมายถึงสุสานของคนตาย
เซวี่ยะ (穴) ความหมายเดิมคือ ห้องดิน เซวี่ยะ (穴) มีทั้ง รู รัง ถ้ำ หรือบริเวณจุดที่ฝังเข็มรมยา เป็นต้น อาจารย์ฮวงจุ้ยใช้ตำแหน่งเป็นสุสานของคนตายหรือที่อยู่อาศัยของคนเป็น หรือก็คือ ตำแหน่งหมายถึงพื้นที่ตั้งที่เป็นรูปธรรม เป็นจุดๆ หนึ่งในบริเวณพื้นที่ชุมชนที่มีการกำหนดเลือกขอบเขตที่ค่อนข้างใหญ่ การเลือกตำแหน่ง (點穴 เตี่ยนเซวี่ยะ) ก็หมายถึงการชี้เฉพาะเจาะจงหรือกำหนดพื้นที่ตั้งสิ่งก่อสร้างที่แน่ชัด
อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าตำแหน่งเป็นสิ่งที่ฟ้าสร้าง ก็คือมีมังกรดำรงชีวิตอยู่จึงจะเป็นตำแหน่งที่มีชีวิต ตำแหน่งอย่างไรจึงจะดี ก่อนอื่นต้องการมังกรที่แท้จริง มองดูพื้นที่แล้วจึงเลือกตำแหน่ง เมื่อเลือกตำแหน่งแล้วก็สำรวจมังกร มังกรที่แท้จริงจำเป็นจะต้องประสานตำแหน่ง ต่อมาจึงค่อยดูมังกรเขียว เสือขาว หมิงถัง และปากทางน้ำ จะต้องมีลักษณะที่หรูหราและน่าเกรงขาม ภูเขาและสายน้ำที่ด้านหน้าคือแท้จริง ภูเขาและสายน้ำที่ด้านหลังคือปลอม ป้องลม รับน้ำ กักพลัง คือมีชีวิต ลมพัด น้ำสั่นไหว พลังกระจาย คือตาย
อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าการเลือกตำแหน่งเป็นเรื่องที่ยากมากอย่างหนึ่ง ใช้เวลาสามปีในการแสวงหามังกร แต่ต้องใช้เวลาสิบปีในการเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิ หลังจากที่ดูชีพจรมังกรและหมิงถังแล้วก็ต้องทำการเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งผิดทุกอย่างก็จะเสียแรงเปล่า ซ้ายก็ไม่ได้ ขวาก็ไม่ได้ ผิดเพียงแค่นิดเดียวทุกอย่างก็จะไม่เป็นผล วาสนาก็จะกลายเป็นหายนะได้
· เนินเขา (砂 ซา)
เนินเขา คือ ภูเขาที่อยู่รอบทั้งสี่ด้านของตำแหน่ง ความคิดฮวงจุ้ยเชื่อว่า ภูเขาหนาคนจะอุดมสมบูรณ์ ภูเขาผอมชะลูดคนจะหิวโซ ภูเขาใสสะอาดคนจะมีเกียรติ ภูเขาชำรุดเสียหายคนจะโศกเศร้า ภูเขารวมกันคนจะชุมนุมกัน ภูเขาไปคนก็จะจากไป ภูเขายืดขยายยาวคนจะมีความกล้าหาญ ภูเขาหดเล็กคนจะต่ำต้อย ภูเขาสว่างคนจะบรรลุถึงผลสำเร็จ ภูเขามืดคนจะหลงใหลงมงาย รูปทรงของภูเขาเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ด้านซ้ายมองดูแล้วเป็นทรงเหลี่ยม ด้านขวามองดูแล้วเป็นทรงกลม มองจากทางด้านบนแล้วตรง มองจากทางด้านล่างแล้วเอียง มองจากทางด้านตรงแล้วน่าเกลียด มองจากทางด้านข้างแล้วสวยงาม
จะทำให้รูปทรงภูเขาเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกตำแหน่ง การเลือกตำแหน่งได้ดีก็จะสามารถทำให้ภูเขาที่อยู่ไกลกลายเป็นใกล้ ภูเขาสูงกลายเป็นเตี้ย ภูเขาน่าเกลียดกลายเป็นสวยงาม ภูเขาที่เลวร้ายกลายเป็นยอดเยี่ยม ภูเขาไปกลายเป็นกลับมา ภูเขาลาดเอียงกลายเป็นตั้งตรง
ที่ด้านข้างสองฝั่งทางด้านหน้าตำแหน่งคือเนินเขา ซื่อซา (侍砂) สามารถต้านทานลมที่เลวร้าย ตั้งแต่ส่วนที่มังกรโอบกอดคือเนินเขา เว่ยซา (衛砂) ด้านนอกสามารถต้านทานลม ด้านในสามารถเพิ่มเติมพลัง โอบกอดพันรอบด้านหน้าตำแหน่งคือเนินเขา อิ๋งซา (迎砂) ด้านหน้าที่ตั้งตระหง่านคือเนินเขา ฉาวซา (朝砂) น้ำมาทางซ้าย เนินเขาเลี้ยวขวา น้ำมาทางขวา เนินเขาเลี้ยวซ้าย
ฮวงจุ้ยยังพิถีพิถันการจัดวางโดยรวม บริเวณโดยรอบของตำแหน่งล้วนมีเนินเขาแห่งความร่ำรวยและมีเกียรติ ถือเป็นมงคล การจัดเรียงของเนินเขาต้องเป็นชั้นๆ ซ้อนกัน มีลำดับหน้า-หลัง ซึ่งจะเหมือนมีความหมายว่ามีไมตรี ที่ปลายเนินเขามีกระแสน้ำไหลซู่ซ่าโอบล้อมไหลอย่างเอื่อยๆ ก็คือเนินเขาที่ดี
· ทิศทาง (向 เซี่ยง)
หมายถึงทิศทางของที่อยู่อาศัยหรือสุสาน เมื่อรวมกับมังกร เนินเขา ตำแหน่ง และน้ำ จะถือเป็นห้าข้อสำคัญใหญ่ของศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิ นักวิชาการเชื่อว่า ทิศทางต้องอาศัยด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าเป็นสายน้ำ อิงทิศเหนือ ประจัญทิศใต้ หลบเลี่ยงความเป็นอัปมงคล รับความเป็นมงคล ถือเป็นดี การกำหนดทิศทางก็ต้องสำรวจดูลักษณะพื้นที่ และก็ต้องใช้เข็มทิศทำการวัด แล้วจึงค่อยอาศัยทิศทางของลักษณะพื้นที่มาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ
· สัญลักษณ์ดวงชะตา (命卦 มิ่งกว้า)
กลุ่มสำนักปาจ๋ายได้นำดวงชะตาคนเราแบ่งออกเป็นสี่ตะวันออกและสี่ตะวันตก ซึ่งเรียกว่า “สัญลักษณ์ดวงชะตา (命卦 มิ่งกว้า)”
คนที่มีสัญลักษณ์ดวงชะตาเป็น ข่าน (坎) ธาตุน้ำ เจิ้น (震) ธาตุไม้ ซวิ่น (巽) ธาตุไม้ และ หลี (離) ธาตุไฟ ถือเป็นคนดวงชะตาตะวันออก เหมาะที่จะประกอบเข้ากันกับทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ และทิศเหนือ สี่ทิศตะวันออกเหล่านี้
ส่วนคนที่มีสัญลักษณ์ดวงชะตาเป็น คุน (坤) ธาตุดิน เกิ้น (艮) ธาตุดิน เฉียน (乾) ธาตุโลหะ และ ตุ้ย (兌) ธาตุโลหะ ถือเป็นคนดวงชะตาตะวันตก เหมาะที่จะประกอบเข้ากันกับทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สี่ทิศตะวันตกเหล่านี้
· สิบพื้นที่อัปมงคล
มีนักวิชาการฮวงจุ้ยนำเอาการเลือกฮวงจุ้ยสิบประเภทที่ไม่เป็นผลดีต่อหยินจ๋ายและหยางจ๋ายแบ่งออกเป็นสิบพื้นที่อัปมงคล ดังนี้
ขัดต่อเทียนป้าย (天敗) ลูกหลานจะหนีหาย
ขัดต่อเทียนซา (天殺) ลูกหลานจะลำบาก เป็นทุกข์
ขัดต่อเทียนเฉวี๋ยง (天窮) ลูกหลานจะโดดเดี่ยว
ขัดต่อเทียนชง (天沖) ลูกหลานจะเกียจคร้าน เอ้อระเหย
ขัดต่อเทียนชิง (天傾) จะพ่ายแพ้สูญสิ้น
ขัดต่อเทียนซือ (天濕) โรคภัยไข้เจ็บจะรุมเร้า
ขัดต่อเทียนยวี่ (天獄) ลูกหลานจะดื้อรั้น โง่เขลา
ขัดต่อเทียนโก่ว (天狗) ลูกหลานจะเนรคุณ
ขัดต่อเทียนหมอ (天魔) ลูกหลานจะยากจนข้นแค้น
ขัดต่อเทียนคู (天枯) จะสูญสิ้นลูกหลาน
· พลังพิฆาต (煞 ซา)
ในวิชาฮวงจุ้ยเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีเรียกว่า พลังพิฆาต (煞 ซา) พลังพิฆาตที่มักพบในชีวิตประจำวันมี
ฝ่านกวงซา (反光煞 พลังพิฆาตแสงสะท้อน)-เนื่องจากการสะท้อนแสงของพระอาทิตย์ ผิวน้ำ และ กระจกจึงถูก เรียกว่า ฝ่านกวงซา (反光煞 พลังพิฆาตแสงสะท้อน)
กอเจี่ยวซา (割腳煞 พลังพิฆาตเกี่ยวขา)-จะเห็นน้อยมากในเมือง เพราะเป็นบ้านที่อยู่ติดกับน้ำ หรือเป็นอาคารใหญ่ที่อยู่ใกล้ผิวน้ำ
เหลียนเตาซา (鐮刀煞 พลังพิฆาตรูปเคียว)-คือสะพานที่โค้งหรือถนนที่มีรูปทรงโค้ง
กูเฟิงซา (孤峰煞 พลังพิฆาตยอดเขาโดดเดี่ยว)-หมายถึงอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงอาคารเดียว หน้า หลัง ซ้าย ขวา ไม่มีภูเขาหรืออาคารให้พึ่งพิง
เชียงซา (槍煞 พลังพิฆาตรูปปืน)-นี่เป็นพลังที่ไร้ตัวตนชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ถนนตรงสายหนึ่ง ปืนกระบอกหนึ่ง” ก็หมายถึง ประตูบ้านตรงกับทางเดินตรงยาวเส้นหนึ่ง ก็คือการขัดต่อเชียงซา
ป๋ายหู่ซา (白虎煞 พลังพิฆาตเสือขาว)-หมายถึงทางด้านขวาของที่อยู่อาศัยมีสภาวการณ์ของการก่อสร้างหรือการขยับหน้าดิน
เทียนจ่านซา (天斬煞 พลังพิฆาตผ่ากลางฟ้า)-อาคารสองหลังอยู่ใกล้กันมากเกินไปจนทำให้ระหว่างอาคารทั้งสองหลังนี้ก่อเกิดเป็นช่องโหว่ที่แคบเล็ก มองไกลๆ ก็จะเหมือนกับอาคารถูกขวานฟันลงมาจากบนฟ้า ผ่าแยกจากหนึ่งเป็นสอง
ชวานซินซา (穿心煞 พลังพิฆาตทะลุกลางใจ)-อาคารที่ถูกสร้างรถไฟใต้ดินหรืออุโมงค์ใต้ดินทะลุผ่านใต้พื้นอาคารไป ก็คือการขัดต่อชวานซินซา
เหลียนเจินซา (廉貞煞)-โดยทั่วไปแล้วฮวงจุ้ยจะให้ความสำคัญกับด้านหลังมีหลักให้พึ่งพิงอาศัย แต่ถ้าหากภูเขาที่ให้พึ่งพิงอาศัยนั้นไม่ใช่ภูเขาที่มีชื่อ แต่เป็นภูเขาหินขรุขระมีเหลี่ยมแหลม ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าขึ้น ในวิชาฮวงจุ้ยก็จะเรียกว่าเป็นเหลียนเจินซา
เทียนเฉียวซา (天橋煞 พลังพิฆาตสะพาน)-สะพานหรือสะพานลอยจากที่สูงและลงมามักจะมีสภาวการณ์ไปของความลาดเอียงโค้งงอ สะพานเป็นน้ำปลอม ความลาดเอียงไปก็คือน้ำไป
คายโข่วซา (開口煞 พลังพิฆาตเปิดปาก)-เมื่อคุณเปิดประตูบ้านของตัวเองแล้วมองเห็นประตูลิฟท์เปิดปิด ก็จะเหมือนกับปากของเสือนั่นเอง
ชงซา (沖煞 พลังพิฆาตปะทะ)-พูดจากมุมมองทางฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัยที่อยู่ต่ำกว่าชั้นห้าลงมาจะค่อนข้างขัดต่อชงซาได้ง่าย เพราะว่าที่อยู่อาศัยโดยมากแล้วจะถูกเสาไฟฟ้าหรือต้นไม้บดบัง
· สภาวการณ์ (形勢 สิงซื่อ)
สภาวการณ์ (形勢 สิงซื่อ) ในศาสตร์การดูพื้นที่ชัยภูมิหมายถึงลักษณะภูมิประเทศ (地形 ตี้สิง) และ ภูมิประเทศที่หมายถึงลักษณะความสูงต่ำของพื้นที่ (地勢 ตี้ซื่อ) ซึ่ง สิง (形 รูปลักษณ์ รูปร่าง) กับ ซื่อ (勢 อิทธิพล แนวโน้ม) มีความแตกต่างกัน อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่า พันเมตรคือ ซื่อ (勢) ร้อยเมตรคือสิง (形) รูปลักษณ์เล็กกว่าอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มใหญ่กว่ารูปลักษณ์ อิทธิพลแนวโน้มคือทิวทัศน์ที่อยู่ไกล รูปลักษณ์คือการมองในระยะใกล้ รูปลักษณ์คือเนื้อที่ของอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มคือความสูงส่งของรูปลักษณ์ มีอิทธิพลแนวโน้มหลังจากนั้นจึงค่อยมีรูปลักษณ์ มีรูปลักษณ์แล้วหลังจากนั้นจึงค่อยรู้จักอิทธิพลแนวโน้ม อิทธิพลแนวโน้มตั้งอยู่ก่อนรูปลักษณ์ รูปลักษณ์ก่อตัวขึ้นหลังจากอิทธิพลแนวโน้ม รูปลักษณ์อยู่ด้านใน อิทธิพลแนวโน้มอยู่ด้านนอก รูปลักษณ์คือภูเขาลูกเดียว อิทธิพลแนวโน้มคือกลุ่มเขาที่ขึ้นลง รู้จักอิทธิพลแนวโน้มนั้นยาก มองดูรูปลักษณ์นั้นง่าย
· ยุคใหญ่ (大運 ต้ายวิ่น) และ ยุคเล็ก (小運 เสี่ยวยวิ่น)
เจี่ยจื่อ (甲/子) หกสิบปี เป็นหนึ่งหยวน หนึ่งหยวน หกสิบปี เป็นยุคใหญ่ ในหนึ่งหยวนทุกๆ ยี่สิบปีเป็นยุคเล็ก นักวิชาการฮวงจุ้ยนำมาใช้กำหนดความรุ่งเรืองความเสื่อมถอยของพลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่)
· ไท่สุ่ย (太歲)
ไท่สุ่ย (太歲) หมายถึงดาวไท่สุ่ย พูดให้ถูกต้องจริงๆ แล้วก็คือ ดาวจูปิเตอร์ในกลุ่มดาวทางช้างเผือก ดาวจูปิเตอร์เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ฉะนั้นดาวดวงนี้จึงเป็นดาวอันดับแรกของกลุ่มดาวที่มีต่อแรงโน้มถ่วงของโลก
ดาวจูปิเตอร์เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีความสะดุดตาต่อผู้คนมากที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ความสว่างของมันเป็นรองเพียงแค่ดาววีนัสเท่านั้น สมัยจีนโบราณเรียกมันว่า “ซุ่ยซิง (歲星)” ซึ่งนำมันมาใช้จดบันทึกปี เนื่องจากได้รู้ว่ารอบระยะเวลาในการโคจรของมันใกล้กับยี่สิบปี และปีสิบสองนักษัตรก็เปลี่ยนแปลงไปตามการโคจรของไท่สุ่ย ในทุกๆ ปีที่ดาวจูปิเตอร์มาถึงทิศทางใดทิศทางหนึ่งบนโลก ก็จะเพิ่มเติมแรงโน้มถ่วงของโลกในทิศทางนั้นให้แข็งแกร่ง และไท่สุ่ยจะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละปี
· หมิงถัง (明堂)
ในฮวงจุ้ยเรียกด้านหน้าประตูบ้านของหยางจ๋ายหรือขอบเขตด้านหน้าของ หยินจ๋ายว่าหมิงถัง (明堂) ซึ่งเป็นบริเวณที่พลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่) มาชุมนุมรวมตัวกัน หมิงถังต้องสะอาด กว้างขวาง ป้องลม กักพลัง เป็นดี การดูพื้นที่ชัยภูมิต้องเลือกหมิงถังที่ดี หลังจากนั้นจึงค่อยเลือกตำแหน่ง เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายในการรับความเป็นมงคลหลีกเลี่ยงความเป็นอัปมงคล
· การเลือกความเป็นมงคล (擇吉 เจ๋อจี๊)
การเลือกความเป็นมงคลคือเทคนิคอย่างหนึ่ง สิ่งที่ทำการเลือกนั้นก็คือเวลาและพื้นที่ ส่วนความคุ้มค่าก็คือการได้รับความราบรื่นและเป็นสิริมงคล จุดประสงค์อื่นคือการรับความเป็นมงคลและหลบเลี่ยงความเป็นอัปมงคล เนื้อหาในการเลือกนั้นก็กว้างขวางมาก ที่สำคัญก็มี การเลือกวันที่เป็นมงคล การขยับหน้าดิน การซ่อมแซม การเดินทาง การแต่งงาน การเปิดกิจการ เป็นต้น
การเลือกความเป็นมงคลคือการสะท้อนสภาพการดำรงชีวิตของมนุษย์ธรรมชาติขนาดใหญ่ได้เสนอเงื่อนไขที่เป็นผลดีมากมายให้แก่มนุษย์ และก็ยังได้เสนอปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีมากมายให้แก่มนุษย์ด้วย มนุษย์จะต้องใช้เงื่อนไขของธรรมชาติขนาดใหญ่ให้อย่างเต็มที่ พิชิตควบคุมปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีที่ธรรมชาติขนาดใหญ่เป็นผู้สร้างขึ้น ก็คือต้องหลีกเลี่ยงและควบคุมปัจจัยที่ไม่เป็นผลดีเหล่านี้ การเลือกความเป็นมงคลก็คืออาศัยภูมิฟ้าและภูมิดินเป็นพื้นฐาน อาศัยโป๊ยก่วย เก้าดาว 28 กลุ่มดาว ภูมิฟ้า ภูมิดิน ห้าธาตุ ปี เดือน วัน เวลา เป็นต้น ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการคาดการณ์ความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล เพื่อให้คนเราดำเนินการทำเรื่องราวต่างๆ ในเวลาที่เป็นผลดี เพื่อบรรลุถึงบทบาทของความปลอดภัย ความราบรื่น และ การคลี่คลายเป็นอัปมงคลให้เป็นมงคล เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่มีอยู่จริงของการแสวงหาการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของ ฟ้า ดิน มนุษย์ ของคนในสมัยโบราณ

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุคได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 19/04/2557 เวลา 0:13 น

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 18 ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 18

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำ
· ความหมายแฝงของ 24 ภูเขา
การศึกษาฮวงจุ้ยจำเป็นจะต้องเข้าใจในเรื่องทิศทาง ตำแหน่งพระราชวังของทั้งแปดสัญลักษณ์ใช้ชื่อของทั้งแปดสัญลักษณ์เป็นตัวแทนของทิศเหนือ ใต้ ออก ตก เป็นต้น
พระราชวังเจิ้น ( 震 ) คือ ทิศตะวันออก
พระราชวังซวิ่น ( 巽 ) คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
พระราชวังหลี ( 離 ) คือ ทิศใต้
พระราชวังคุน ( 坤 ) คือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้
พระราชวังตุ้ย ( 兌 ) คือ ทิศตะวันตก
พระราชวังเฉียน ( 乾 ) คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
พระราชวังข่าน ( 坎 ) คือ ทิศเหนือ
พระราชวังเกิ้น ( 艮 ) คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ถ้าหากมีคนมาดูฮวงจุ้ยให้คุณแล้วพูดว่า “พระราชวังเจิ้น (震) ในปีนี้มีดาวห้าผีโคจรมายังตำแหน่ง แล้วประตูของบ้านคุณเป็นประตูเจิ้น (震) ปีนี้ครอบครัวจะไม่มีความปลอดภัย” ประตูเจิ้นในที่นี่ก็คือประตูในทิศตะวันออกนั่นเอง
นอกจากทิศทางทั้งแปดพระราชวังแล้ว อาจารย์ฮวงจุ้ยยังจะต้องใช้ทิศทางทั้ง 24 ในการวินิจฉัยความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล ในแต่ละทิศทางจะมี 15 องศา ในทางฮวงจุ้ยเรียกว่า 24 ภูเขา พวกมันก็คือ เจี่ย (甲) เหม่า (卯) อี่ (乙) เฉริน (辰) ซวิ่น (巽) ซื่อ (巳) ปิ่ง (丙) อู่ (午) ติง (丁) เว่ย (未) คุน (坤) เซิน (申) เกิง (庚) โหย่ว (酉) ซิน (辛) ซวี (戌) เฉียน (乾) ไห้ (亥) เหยิน (壬) จื่อ (子) กุ่ย (癸) โฉ่ว (丑) เกิ้น (艮) อิ๋น (寅)
เข็มทิศหลัวผาน ใช้ “เหม่า (卯)” เป็นตัวแทนของทิศตะวันออก
ใช้ “อู่” (午) เป็นตัวแทนของทิศใต้
ใช้ “โหย่ว” (酉) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตก
ใช้ “จื่อ” (子) เป็นตัวแทนของทิศเหนือ
ใช้ “ซวิ่น” (巽) เป็นตัวแทนของทิศตะวันออกเฉียงใต้
ใช้ “คุน” (坤) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตกเฉียงใต้
ใช้ “เฉียน” (乾) เป็นตัวแทนของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ใช้ “เกิ้น” (艮) เป็นตัวแทนของทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เหล่านี้คือภูเขาหลักของแต่ละสัญลักษณ์ แล้วที่ด้านข้างทั้งสองของมันก็จะเป็นทิศที่ค่อนไปอีกทิศทางหนึ่ง เช่น “เฉริน (辰) ซวิ่น (巽) ซื่อ (巳)” ถือเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ “ซวิ่น (巽)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ตรง ส่วน “เฉริน (辰)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่ค่อนไปทางทิศตะวันออก ส่วน “ซื่อ (巳)” เป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่ค่อนไปทางทิศใต้ 24 ภูเขาที่เหลือก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

· เทียนซินสือต้าว (天心十道)
เทียนซิน (天心) หมายถึง ใจกลางหมิงถังของหยินจ๋ายและหยางจ๋าย เทียนซินสือต้าว (天心十道) เป็นการยืนยันทิศทางของฮวงจุ้ย อาศัยภูเขาทั้งสี่ทิศทางทั้งหน้า หลัง ซ้าย ขวา ที่มีจุดตัดพอดีกันเป็นพื้นฐาน แล้ววาดเครื่องหมาย 十 ออกมาตรงใจกลางหมิงถัง ซึ่งก็คือ สือต้าว (十道) อย่างง่ายๆ
ที่เรียกว่าสี่ทิศทางก็หมายถึงภูเขาทางด้านหน้า หลัง ซ้าย ขวา ของใจกลางหมิงถัง และต้องอาศัยความพอดีกันจึงจะดี ถ้าหากทั้งสี่ทิศทางได้สัดส่วนที่ครบถ้วนสมบูรณ์และประสานไปทางตำแหน่ง ฮวงจุ้ยเชื่อว่านี่เป็นปรากฏการณ์แห่งความมีคุณค่า
ในหยางจ๋ายให้วาดเครื่องหมาย ไว้ตรงกลางบ่อสวรรค์ (天井 เทียนจิ่ง) สี่ทิศทางก็คือกำแพงทั้งสี่ด้าน โดยมากแล้วจะวาดเครื่องหมาย  ไว้ที่ระหว่างด้านในของประตูใหญ่ของบ้าน ด้านนอกของประตูบ้านด้านใน หรือ ตรงกลางจุดสูงสุดของลานบ้าน หลังจากนั้นใช้เข็มทิศวัดที่จุด 十 เพื่อกำหนดทิศทาง 24 ภูเขา กำหนดสี่บ้านตะวันออกกับ สี่บ้านตะวันตก และ มองดูความสัมพันธ์ที่ร่วมกันของประตูบ้าน ห้องนอน เตา เพื่อกำหนดความเป็นมงคลและความเป็นอัปมงคล

· พลัง (氣 ชี่)
พลัง ในศาสตร์ฮวงจุ้ยถือเป็นเรื่องทั่วไปมาก และเป็นความคิดที่มีความสำคัญมาก มี พลังชีวิต (生氣 เซิงชี่) พลังตาย (死氣 สื่อชี่) พลังหยาง (陽氣 หยางชี่) พลังหยิน (陰氣 อินชี่) พลังดิน (土氣 ถู่ชี่) พลังพื้นดิน (地氣 ตี้ชี่) พลังทวีคูณ (乘氣 เฉิงชี่) การชุมนุมพลัง (聚氣 จวี้ชี่) การรับพลัง (納氣 น่าชี่) ชีพจรพลัง (氣脈 ชี่ม่าย) แม่ของพลัง (氣母 ชี่หมู่) เป็นต้น
พลังเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง พลังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด พลังตัดสินหายนะและบุญวาสนาของคนเรา “หลี่ชี่ (理氣)” เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก ต้องประสานกันกับหยินหยางห้าธาตุ และในสถานที่จริงนั้นต้องได้รับปรากฏการณ์ความรุ่งเรืองด้วย จึงจะสามารถได้รับ “พลังชีวิต (生氣 เซิงชี่)” เมื่อมีพลังชีวิตแล้วก็จะสามารถเกิดความมั่งคั่งร่ำรวย ฉะนั้นจริงๆ แล้วศาสตร์ฮวงจุ้ยก็คือ “ศาสตร์การมองดูพลัง”
ศาสตร์ฮวงจุ้ยอาศัยพลังเป็นจุดกำเนิดสรรพสิ่ง เชื่อว่าโลกเริ่มต้นจากไม่มี (ไม่เคยเห็นพลัง) ไปจนถึงมี (จุดเริ่มต้นของพลัง) พลังคือจุดกำเนิด มันแบ่งออกเป็นหยินและหยาง และยังแบ่งออกเป็นสสารห้าชนิด โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ ดิน (ห้าธาตุ) ความรุ่งเรืองและความตกต่ำของสสารเหล่านี้ล้วนมีกฎเกณฑ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ อีกทั้งมีทั้งหายนะและบุญวาสนา ซึ่งหายนะและบุญวาสนาเหล่านี้ล้วนสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

· มังกร (龍 หลง)
“ห้าเคล็ดลับภูมิประเทศ” อันดับแรกของศาสตร์ฮวงจุ้ยก็คือ มังกร ตำแหน่ง เนินเขา สายน้ำ และ ทิศทาง ส่วนกิจกรรมที่สอดคล้องกันก็คือ “การแสวงหามังกร การสำรวจเนินเขา การสังเกตน้ำ การเลือกตำแหน่ง และการวัดตั้งทิศทาง”
มังกรคืออะไร มังกรก็คือเส้นเลือดของภูเขา ดินคือเนื้อหนังของมังกร หินคือกระดูกของมังกร ต้นไม้ต้นหญ้าคือเส้นขนและเส้นผมของมังกร การแสวงหามังกรก่อนอื่นควรจะแสวงหาภูเขาบรรพบุรุษและภูเขาพ่อแม่ก่อน ที่เรียกว่าภูเขาบรรพบุรุษก็คือจุดเริ่มต้นของเทือกเขา บริเวณจุดกำเนิดของกลุ่มภูเขา ภูเขาพ่อแม่ก็คือการเข้าไปบริเวณเทือกเขาเป็นอันดับแรก การสำรวจชีพจรพลังก็หมายถึงการสำรวจดูว่าเทือกเขานั้นคดเคี้ยวขึ้นลงเหมือนกันหรือไม่ สันเขาแยกและสันเขาร่วมของเทือกเขามีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปหรือไม่ ถ้ามีก็จะเป็นมงคล มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นอัปมงคล การแสวงหามังกรจะต้องแบ่งออกเป็นเก้าสภาวการณ์ ซึ่งมีดังนี้
หุยหลง (迴龍) ชูหยางหลง (出洋龍)
เจี้ยงหลง (降龍) เซิงหลง (生龍)
จวี้หลง (巨龍) เจินหลง (針龍)
เถิงหลง (騰龍) หลิ่งฉวินหลง (領群龍) และ
หลายหลง (來龍)
ให้อาศัยสภาวการณ์ภูเขาที่คดเคี้ยวมาแต่ไกลเป็นมงคล

· ชีพจรมังกร (龍脈 หลงม่าย)
ม่าย (脈) ความหมายเดิมคือ เส้นเลือด คนสมัยก่อนจะคุ้นเคยเรียกการเชื่อมโยงระหว่างภูเขาและแม่น้ำว่าม่าย คนรุ่นหลังมักจะเปรียบเทียบภูมิประเทศว่ามีระเบียบแบบแผนและมีการเชื่อมโยง
ความสูงต่ำขึ้นลงและความคดเคี้ยวของภูเขาและแม่น้ำเหมือนดั่ง มังกรซุ่ม (龍伏 หลงฝู่) มังกรเต้นรำ (龍舞 หลงอู่) มังกรทะยาน (龍騰 หลงเถิง) มังกรบิน (龍飛 หลงเฟย) ดังนั้นอาจารย์ฮวงจุ้ยจะเรียกภูเขาและแม่น้ำว่าหลงม่าย ประเทศจีนมีพื้นที่สองในสามส่วนที่เป็นภูเขาและแม่น้ำ เช่นนี้ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ล้วนมีหลงม่าย

· น้ำ (水 สุ่ย)
น้ำ อีกชื่อหนึ่งคือ “ไว่ชี่ (外氣 พลังจากภายนอก)” ฮวงจุ้ยเชื่อว่าน้ำเป็นแม่ของพลัง พลังอาศัยน้ำในการขนย้ายจึงดำเนินการ แล้วน้ำถูกสกัดกั้นจึงหยุดนิ่ง การแสวงหามังกรเพื่อเลือกตำแหน่งต้องทำการวินิจฉัยและพิสูจน์ตามขนาด ทิศทาง และ รูปทรง ของกระแสน้ำ
น้ำคืออะไร ลำน้ำที่ไหลติดตามเทือกเขามาก็คือน้ำ สิ่งสำคัญอันดับแรกของการสำรวจน้ำคือการสำรวจปากทางน้ำ ตัวปากทางน้ำเองมีจุดที่กระแสน้ำไหลเข้าและจุดที่กระแสน้ำไหลออก จุดที่กระแสน้ำไหลเข้าต้องเปิดกว้าง จุดที่กระแสน้ำไหลออกต้องปิดมิด ต่อมาก็คือการสำรวจรูปทรงน้ำอย่างเป็นรูปธรรม สภาวการณ์น้ำต้องชุมนุมและผ่อนคลายจึงเป็นมงคล น้ำที่ปะทะเชี่ยวกรากเป็นอัปมงคล

· ปากทางน้ำ (水口 สุ่ยโข่ว)
ปากทางน้ำเป็นเนื้อหาที่สำคัญในการดูพื้นที่ชัยภูมิ ที่เรียกว่าปากทางน้ำก็คือบริเวณที่กระแสน้ำไหลเข้าหรือกระแสน้ำไหลออก บริเวณที่น้ำมาเรียกว่า ประตูสวรรค์ (天門 เทียนเหมิน) ถ้าหากน้ำที่มามองไม่เห็นจุดกำเนิดของน้ำไหลเรียกว่า ประตูสวรรค์เปิด บริเวณน้ำไปเรียกว่าประตูพื้นดิน (地戶 ตี้ฮู่) ถ้ามองไม่เห็นน้ำไปเรียกว่า ประตูพื้นดินปิด ภูเขาที่อยู่ทางฝั่งทั้งสองข้างของบริเวณกระแสน้ำไหลไปเรียกว่า เนินเขาปากทางน้ำ (水口砂 สุ่ยโข่วซา) ปากทางน้ำถ้าหากว่าไม่มีเนินเขาสภาวการณ์ของน้ำก็จะไหลเชี่ยวกรากตรงออกไป
ขอบเขตของปากทางน้ำมีทั้งเล็กมีทั้งใหญ่ จากน้ำไหลเข้าจนถึงน้ำไหลออก บริเวณพื้นที่ทั้งหมดที่กระแสน้ำไหลผ่านก็คือขอบเขตของปากทางน้ำ ขอบเขตของปากทางน้ำเป็นอัตราส่วนของความมั่งคั่งร่ำรวย เนื้อที่ในการบรรจุปากทางน้ำที่ยิ่งกว้างใหญ่ ปริมาตรบรรจุที่จะสามารถรองรับได้ก็จะยิ่งมาก เนื้อที่รวมในการสร้างบุญวาสนาก็จะยิ่งมากด้วย ความคิดของปากทางน้ำนั้นค่อนข้างที่จะถูกต้อง ในปากทางน้ำขนาดใหญ่จะมีปากทางน้ำขนาดเล็ก เนื้อที่ของปากทางน้ำขนาดเล็กหลายๆ แห่งจะก่อตัวเป็นเนื้อที่ปากทางน้ำขนาดใหญ่ ในแต่ละหมู่บ้านก็จะมีปากทางน้ำในหมู่บ้าน ในแต่ละเมืองก็จะมีปากทางน้ำของแต่ละเมือง ในแต่ละมณฑลก็จะมีปากทางน้ำของแต่ละมณฑล

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 12/04/2557 เวลา 0:22 น

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 17 ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 17

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำในทางฮวงจุ้ย

ศัพท์เทคนิคที่มักใช้ประจำ
· ศาสตร์ฮวงจุ้ย
หรือจะเรียกว่าศาตร์การดูภูมิประเทศ ซึ่งเป็นความรู้ในการวิจัยฮวงจุ้ย ชี้อย่างเป็นรูปธรรมก็คือจากการดำรงชีวิตของคนเราต้องการการเริ่มต้นและประสานกันกับจิตสำนึกของวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา ทำการเลือกสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย การจัดวาง และ หลักการกับวิธีการจัดการ เป็นความรู้ที่ประสานกลมกลืนกันกับความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ
· อาจารย์ฮวงจุ้ย
อาจารย์ฮวงจุ้ยเพียบพร้อมไปด้วยความรู้ทางด้านฮวงจุ้ย ได้รับการมอบหมายหรือฝากฝังให้วินิจฉัยตัดสินฮวงจุ้ยที่ดีเลว เป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่ในบางครั้งถ้าจำเป็นก็จะต้องมอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ โดยปกติแล้วอาจารย์ฮวงจุ้ยจะควบคู่ไปกับการเสี่ยงทายสัญลักษณ์ การดูโหงวเฮ้ง การเลือกวันมงคล เป็นต้น
· โป๊ยก่วย (八卦 แปดสัญลักษณ์)
โป๊ยก่วยเกิดมาจากกลุ่มสำนักหยินหยาง จาก ไท่จี๋ (太極) ไปจนถึง โป๊ยก่วยซื่อเซี่ยง (八卦四象 แปดสัญลักษณ์สี่ปรากฏการณ์) ก็คือ ไท่หยาง (太陽) ไท่หยิน (太陰) ส่าวหยาง (少陽) ส่าวหยิน (少陰) โป๊ยก่วยแบ่งออกเป็น เฉียน (乾) คุน (坤) เจิ้น (震) หลี (離) ตุ้ย (兌) ข่าน (坎) เกิ้น (艮) ซวิ่น (巽) พวกมันเป็นตัวแทนของปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมาย
เฉียนเป็นฟ้า (乾為天 เฉียนเหวยเทียน)
คุนเป็นพื้นดิน (坤為地 คุนเหวยตี้)
เจิ้นเป็นฟ้าร้อง (震為雷 เจิ้นเหวยเหลย)
ซวิ่นเป็นลม (巽為風 ซวิ่นเหวยเฟิง)
ข่านเป็นน้ำ (坎為水 ข่านเหวยสุ่ย)
หลีเป็นไฟ (離為火 หลีเหวยหั่ว)
เกิ้นเป็นภูเขา (艮為山 เกิ้นเหวยซาน)
ตุ้ยเป็นหนองน้ำหรือสระน้ำหรือบริเวณแหล่งที่มีน้ำชุมนุม (兌為澤 ตุ้ยเหวยเจ๋อ)
เวลาที่อาจารย์ฮวงจุ้ยใช้เข็มทิศหลัวผาน บางครั้งก็จะใช้โป๊ยก่วยหลังกำเนิด บางครั้งก็จะใช้โป๊ยก่วยก่อนกำเนิด อาจารย์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าบ้านทุกๆ หลังล้วนมีลักษณะประจำตัวของตัวมันเอง ก็คือนำเอา เฉียน (乾) ตุ้ย (兌) เกิ้น (艮) คุน (坤) มาเป็นสี่บ้านตะวันตก ใช้ คุน (坤) เจิ้น (震) ซวิ่น (巽) ข่าน (坎) มาเป็นสี่บ้านตะวันออก วิธีการวินิจฉัยอย่างเป็นรูปธรรมคืออาศัยทิศทางการหันของบ้าน ถ้าหากหันไป ทางจื่อ/อู่ (子/午) ก็จะเป็นบ้านข่าน ซึ่งบ้านข่านถือเป็นสี่บ้านตะวันออก
อาจารย์ฮวงจุ้ยยังเชื่ออีกว่าทุกๆ คนล้วนมีดวงชะตาบ้านที่กำหนดพิเศษเฉพาะ ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนดวงชะตาตะวันออกก็เหมาะสมที่อยู่สี่บ้านตะวันออก คนดวงชะตาตะวันตกก็เหมาะสมที่จะอยู่สี่บ้านตะวันตก มิฉะนั้นแล้วจะถือเป็นอัปมงคล

· ห้าธาตุ (五行 อู่สิง)
ศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่าสถานการณ์ของภูเขาและสายน้ำมีตรงมีคดเคี้ยว มีเหลี่ยมมีกลม มีกว้างมีแคบ ซึ่งแต่ละชนิดแต่ละแบบก็เพียบพร้อมไปด้วยความเป็นห้าธาตุ ภูมิประเทศมีการเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า หัวใจสำคัญอยู่ที่พลังของห้าธาตุ
ห้าธาตุก็คือ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ ดิน
1. กฎเกณฑ์การเสริมซึ่งกันและกัน
“เสริม/เกิด (生 เซิง)” คือมีความหมายของการช่วยให้เจริญเติบโต ในห้าธาตุจะเต็มไปด้วยการส่งเสริมซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ประเภทนี้จึงเรียกว่า “การเสริมซึ่งกันและกัน (相生 เซียงเซิง)”
กฎเกณฑ์การเสริมซึ่งกันและกันคือ น้ำเสริมไม้ ไม้เสริมไฟ ไฟเสริมดิน ดินเสริมโลหะ โลหะเสริมน้ำ หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันสองสิ่งก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นบทบาทในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างหนึ่ง

การเสริมซึ่งกันและกันและการพิฆาตซึ่งกันและกันของห้าธาตุ
2. กฎเกณฑ์การพิฆาตซึ่งกันและกัน
“พิฆาต/ควบคุม (剋 เค่อ)” คือมีความหมายของการบังคับหรือชัยชนะ ในห้าธาตุเต็มไปด้วยความสัมพันธ์ของการบังคับซึ่งกันและกัน และการพิชิตซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ประเภทนี้เรียกว่า “การพิฆาตซึ่งกันและกัน (相剋 เซียงเค่อ)”
กฎเกณฑ์การพิฆาตซึ่งกันและกันคือ ไม้พิฆาตดิน ดินพิฆาตน้ำ น้ำพิฆาตไฟ ไฟพิฆาตโลหะ โลหะพิฆาตไม้ พิฆาตซึ่งกันและกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด การพิฆาตซึ่งกันและกันภายใต้สถานการณ์ที่เป็นปกติก็ถือเป็นพลังงานอย่างหนึ่งในการรักษาความสมดุล ถ้าหากห้าธาตุพิฆาตซึ่งกันและกันมากเกินไปก็จะทำให้เกิดบทบาทในการทำร้ายและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ

ตารางการจัดระบบของห้าธาตุ


ในการพิฆาตซึ่งกันและกันของห้าธาตุก็ไม่ใช่แฝงไว้ด้วยการอยู่เพียงลำพัง ในการพิฆาตซึ่งกันและกันจำเป็นจะต้องแฝงการเสริมซึ่งกันและกันไว้ด้านในด้วย มิฉะนั้นแล้วสรรพสิ่งทั้งหลายก็จะไม่มีการเกิดและการเปลี่ยนแปลง

· สิบภูมิฟ้า (天干 เทียนกาน) สิบสองภูมิดิน (地支 ตี้จือ)
สิบภูมิฟ้า : เจี่ย (甲) อี่ (乙) ปิ่ง (丙) ติง (丁 ) อู้ (戊) จี่ (己) เกิง (庚) ซิน (辛) เหยิน (壬) กุ่ย (癸)
สิบสองภูมิดิน : จื่อ (子) โฉ่ว (丑) อิ๋น (寅) เหม่า (卯) เฉริน (辰) ซื่อ (巳) อู่ (午) เว่ย (未) เซิน (申) โหย่ว (酉) ซวี (戌) ไห้ (亥)

1. ความหมายแฝงของสิบภูมิฟ้า
เจี่ย (甲) มีความหมายถึง ฉีก รื้อ
อี่ (乙) มีความหมายถึง บด ทับ
ปิ่ง (丙) มีความหมายถึง สว่าง
ติง (丁) มีความหมายถึง แข็งแกร่ง
อู้ (戊) มีความหมายถึง เจริญงอกงาม
จี่ (己) มีความหมายถึง บันทึก
เกิง (庚) มีความหมายถึง เปลี่ยนแปลง
ซิน (辛) มีความหมายถึง ใหม่
เหยิน (壬) มีความหมายถึง หน้าที่
กุ่ย (癸) มีความหมายถึง คาดการณ์

สิบภูมิฟ้ากับพระอาทิตย์ขึ้นไม่มีความสัมพันธ์กัน ส่วนการหมุนเวียนของพระอาทิตย์จะเกิดผลกระทบโดยตรงต่อสรรพสิ่ง

2. ความหมายแฝงของสิบสองภูมิดิน
จื่อ (子) มีความหมายถึง การแพร่พันธุ์
โฉ่ว (丑) มีความหมายถึง การเชื่อมโยง
อิ๋น (寅) มีความหมายถึง การเคลื่อนย้าย การโน้มน้าว
เหม่า (卯) มีความหมายถึง โผล่ออกมา
เฉริน (辰) มีความหมายถึง การสั่นสะเทือน
ซื่อ (巳) มีความหมายถึง ลุกขึ้น ยุติ
อู่ (午) มีความหมายถึง ฝ่าฝืน ละเมิด
เว่ย (未) มีความหมายถึง รสชาติ
เซิน (申) มีความหมายถึง ร่างกาย
โหย่ว (酉) มีความหมายถึง แก่ชรา
ซวี (戌) มีความหมายถึง ดับ
ไห้ (亥) มีความหมายถึง การสังเกตอย่างละเอียด

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

วันที่ 5/04/2557 เวลา 1:02 น

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 16 ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 16

ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

ส่วนที่ “ยอดเยี่ยม” ของอาจารย์ฮวงจุ้ย
ในอดีตมีเศรษฐีแซ่เฉินแห่งเมืองหยางหยาง เขาเป็นคนที่เชื่อในปาจื้อวันเดือนปีเกิดและฮวงจุ้ยห้าธาตุเป็นอย่างมาก ในบ้านอุปการะเลี้ยงดูอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่งที่มาจากเมืองเจียงซี เศรษฐีเฉินหวังว่าอาจารย์ฮวงจุ้ยจะสามารถเลือกพื้นที่มงคลผืนหนึ่งให้แก่ตนเอง เมื่อตนเองตายลงแล้วนำไปฝังจะสามารถช่วยปกป้องลูกหลานได้
วันหนึ่งเศรษฐีเฉินออกไปท่องเที่ยวตามภูเขาและแม่น้ำเป็นเพื่อนอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้จนเพลินกระทั่งมืดค่ำ พวกเขาทั้งสองจึงพาขาที่เมื่อยล้าเดินไปหมู่บ้านซานตงที่ห่างจากเมืองไปสิบกว่าลี้ ถึงแม้ว่าเศรษฐีเฉินจะเป็นคนเมือง แต่สำหรับหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ เมืองเช่นนี้กลับไม่คุ้นเคย เศรษฐีร้อนใจมาก ส่วนอาจารย์ฮวงจุ้ยก็กลับใจเย็นไม่สะทกสะท้านใดๆ เขาพูดกับเศรษฐีเฉินว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ตัวข้าเองสามารถหาที่พักผ่อนให้ได้”
ทั้งสองคนเข้าไปในหมู่บ้าน ไปยังบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งแล้วมองเห็นที่กลางบ้านมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง อาจารย์ฮวงจุ้ยก็นำเข็มทิศออกมาแล้วทำการวัดด้วยความตั้งใจ สุดท้ายแล้วก็ส่ายหน้า เจ้าของบ้านเห็นดังนั้นจึงถามว่า “ท่านส่ายหน้าทำไม หรือว่า…” อาจารย์ฮวงจุ้ยประสานมือทั้งสองขึ้น ประตูบ้านหลังนี้ของพวกท่านไม่ดี ทำให้พี่น้องในบ้านไม่ปรองดองกัน ลูกหลานมีไม่มาก สุดท้ายเกรงว่าจะมีภัยสิ้นลูกสิ้นหลาน
เจ้าของบ้านได้ยินดังนั้นก็ตกใจพูดว่า “ท่านอาจารย์ พี่น้องไม่ปรองดองกันนี่เป็นเรื่องจริง ส่วนภัยสิ้นลูกสิ้นหลานที่ท่านมองเห็นล่วงหน้านี้ เชิญท่านช่วยชี้แนะด้วย” อาจารย์ฮวงจุ้ยชี้ไปที่ไก่ในกรงที่อยู่มุมบ้านแล้วพูดว่า “ไก่ของพวกเจ้าที่นี่ เวลาขันในตอนเช้ามืดจะต้องไม่มีเสียงตอนท้ายอย่างแน่นอน” เจ้าของบ้านคิดสักครู่ก็ตอบว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว” อาจารย์ฮวงจุ้ยพูดต่อว่า “นี่ก็คือนิมิตหมายของการสูญสิ้นลูกหลาน” เศรษฐีเฉินอยู่ข้างๆ ได้ฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกยกย่องเป็นอย่างมาก
เจ้าของบ้านรีบเชิญให้ทั้งสองเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ฆ่าไก่ซื้อเหล้ามาต้อนรับด้วยไมตรีจิตอันดีงาม พร้อมทั้งขอร้องให้ช่วยแนะนำวิธีการแก้ไขภัยพิบัติและรับความเป็นมงคล อาจารย์ฮวงจุ้ยเอานิ้วขึ้นมานับๆ และท่องอะไรมากมายที่ทุกคนเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง สุดท้ายก็พูดกับเจ้าของบ้านว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ยาก อีกไม่กี่วันจะเป็นวันแรกของเดือนหก ให้พวกเจ้าขยายประตูด้านซ้ายและขวาออกข้างละหนึ่งนิ้ว ส่วนเล้าไก่ที่อยู่ข้างบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ให้ย้ายไปไว้มุมกำแพงฝั่งตรงข้าม ปลายยอดเล้าก็ให้มีความสูงขึ้นอีกหนึ่งไม้บรรทัด เช่นนี้ก็จะเป็นมงคลและพี่น้องก็จะมีความปรองดองกัน” เจ้าของบ้านได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบรินเหล้าคีบเนื้อให้ทั้งสอง
ในตอนดึกเจ้าของบ้านยังเตรียมห้องว่างไว้ให้ทั้งสองคนสำหรับพักผ่อน ที่เตียงนอนเศรษฐีถามอาจารย์ฮวงจุ้ยว่า “ทำไมท่านจึงยอดเยี่ยมเช่นนี้ เรื่องในบ้านคนอื่นก็สามารถรู้ได้” เนื่องจากว่าอาจารย์ดื่มเหล้าไปมากจึงเมาสะลึมสะลือแล้วพูดว่า “เรื่องนี้จะยากอะไรเจ้าก็ดูว่าพวกเขาสี่คนพี่น้องใช้บ่อน้ำเดียวกัน แต่ข้างบ่อน้ำกลับห้อยถังเอาไว้สี่ใบ นี่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสี่คนไม่ลงรอยกัน ใช้ของสิ่งเดียวกันแต่ไม่ไปมาหาสู่กัน กลางบ้านมีเสื้อผ้าเด็กตากเอาไว้แต่เกือบจะทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิง อันนี้ไม่ใช่ลูกหลานน้อยไม่มีทายาทสืบสกุลแล้วจะเรียกว่าอะไร อีกอย่างคือเล้าไก่ที่ข้างกำแพงบ้านของพวกเขามีระดับความสูงไม่ถึงครึ่งไม้บรรทัด ในตอนเช้ามืดไก่จะโก่งคอขันออกมาได้อย่างไร ดังนั้นเวลาที่ไก่ขันก็จะไม่มีเสียงในตอนท้าย ส่วนวิธีการคลี่คลายแก้ไขนั้น ก็พูดๆ ไปอย่างนั้น”
เศรษฐีเฉินคิดตลอดทั้งคืน รู้สึกว่าส่วนที่ยอดเยี่ยมของอาจารย์ฮวงจุ้ยนั้นเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งที่ใช้หลอกคนทั่วไปเท่านั้น พอฟ้าสว่างก็กลับบ้านไปคนเดียวโดยไม่ปลุกอาจารย์ฮวงจุ้ยที่กำลังหลับสนิทให้ตื่น
เกี่ยวกับตำนานที่มาของผีซิ่ว
ผีซิ่วเป็นสัตว์เทพเจ้าหรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งอย่างในตำนานของจีนโบราณ จากปัจจุบันย้อนกลับไปประมาณสามล้านปีเรื่องเล่าที่มาของผีซิ่วนั้นมีด้วยกันมากมาย ในจำนวนนี้มีเรื่องเล่าอยู่สองแบบที่เป็นเหตุผลหลักแบบเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นเรื่องเล่าที่เป็นกระแสหลัก
เรื่องเล่าแบบแรก คือ ผีซิ่วเป็นลูกชายตัวที่แปดของมังกร เป็นพี่น้องกับกิเลน รูปร่างของมันหัวเป็นมังกร หูเป็นกวาง เขาเป็นแพะ ลำตัวเป็นสิงโต หางเป็นหงส์ กรงเล็บเป็นเสือ แล้วก็มีพูดว่า หัวเป็นมังกร ลำตัวเป็นม้า ขาเป็นกิเลน รูปร่างเหมือนสิงโต สีของขนเป็นสีขาวเทา บินได้ มีด้วยกัน 24 รูปแบบ เปลี่ยนร่างได้ 49 แบบ
ผีซิ่วดุร้าย องอาจผึ่งผาย มันอยู่บนสวรรค์มีหน้าที่ตรวจลาดตระเวน คอยยับยั้งเหล่าภูติผีปีศาจร้าย และ โรคระบาด โรคภัยไข้เจ็บ ไม่ให้มารบกวนสวรรค์
สมัยโบราณผู้คนมักจะใช้ผีซิ่วมาเป็นชื่อเรียกในกองทหาร มันมีปากแต่ไม่มีรูทวาร สามารถกลืนทุกสิ่งทุกอย่างได้แต่ไม่เคยระบายออก สามารถเรียกทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีแต่เข้าไม่มีออก มีพลังอภินิหารที่ดีเลิศ
ผีซิ่วเป็นหนึ่งในห้าสัตว์มงคลของสมัยโบราณ (มังกร หงส์ เต่า กิเลน ผีซิ่ว) รวมเรียกว่า สัตว์มงคลเรียกโชคลาภ ผีซิ่วเคยเป็นภาพสัญลักษณ์ของสองราชวงศ์ เล่าว่าช่วยให้จักรพรรดิเหยียนและจักรพรรดิหวางสองพระองค์ทำการรบมีชัยชนะ จึงถูกพระราชทานให้เป็น “เทียนลู่โซ่ว (天祿獸)” ก็คือมีความหมายว่าสวรรค์ประทานวาสนาและบารมี มันคอยคุ้มครองเฝ้ารักษาทรัพย์สมบัติของจักรพรรดิโดยเฉพาะ และก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ เรียกว่า “ตี้ป่าว (帝寶)” เนื่องจากว่าผีซิ่วกินเฉพาะสัตว์ที่ดุร้ายและชั่วร้าย จึงเป็นเหตุให้เรียกว่า “พี่เสีย (闢邪 ขับไล่เสนียดจัญไร)” ผู้เรียนวิชาฮวงจุ้ยในสมัยโบราณของจีนเชื่อว่าผีซิ่วเป็นสัตว์มงคลที่เปลี่ยนแปลงภัยพิบัติให้เป็นความมงคล
เรื่องเล่าแบบที่สอง จะแตกต่างไปเล็กน้อย เล่าว่าผีซิ่วเป็นโอรสองค์ที่เก้าของราชามังกร อาหารหลักของมันคืออัญมณีที่เป็นเงินกับทอง มีพลังล้ำค่าไปทั่วทั้งตัว ฉะนั้นจึงได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากจากราชามังกรกับจักรพรรดิยวี่หวางต้าตี้
แต่ทว่ากินมากไปก็จะท้องเสีย ดังนั้นมีอยู่วันหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทนไม่ไหวจึงถ่ายทุกข์เรี่ยราด ทำให้จักรพรรดิยวี่หวางต้าตี้โกรธมาก ตบลงไปหนึ่งฉาด แต่ปรากฏว่าตบลงไปถูกก้น รูทวารจึงถูกปิด นับจากนั้นอัญมณีที่เป็นเงินกับทองทั้งหลายจึงมีแต่เข้าไม่มีออก หลังจากเรื่องนี้ลือออกไป ผีซิ่วก็ถูกมองว่าเป็นสัตว์มงคลที่เรียกโชคลาภให้เข้ากระเป๋า
จักรพรรดิหลิวปังเคยขนานนามผีซิ่วว่า ตี้ป่าว (帝寶) เนื่องจากว่าผีซิ่วเป็นสิ่งของที่ใช้เฉพาะของจักรพรรดิจึงมักจะนำไปตั้งวางไว้ที่ปากประตูสุสานของจักรพรรดิ ห้องหนังสือ หรือ คลังกิจการภายใน ใช้สำหรับเปิดดวงชะตาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ข้าราชการทั่วไปและประชาชนคนธรรมดาห้ามใช้โดยเด็ดขาด
ต่อมาผีซิ่วก็มีชื่ออีกว่า เทียนลู่ (天祿) ซึ่งก็คือความหมายว่าสวรรค์ประทานวาสนาและบารมี และก็เนื่องจากว่าผีซิ่วกินเฉพาะสัตว์ที่ดุร้ายต่างๆ จึงเป็นเหตุให้มีชื่ออีกว่า “พี่เสีย (闢邪 ขับไล่เสนียดจัญไร)”
คนโบราณเชื่อว่า ชะตาเป็นสิ่งที่ลิขิตมาแล้ว แต่ดวงชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ จึงทำให้ประชาชนมีคำพูดเช่นนี้ว่า “ลูบผีซิ่วครั้งที่หนึ่งดวงชะตาจะเจริญรุ่งเรือง ลูบผีซิ่วครั้งที่สองดวงชะตาโชคลาภการเงินจะไหลมาเทมา ลูบผีซิ่วครั้งที่สามจะมีความเจริญเติบโตก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วตามต้องการ” ปัจจุบันคนจีนมากมายพกผีซิ่วที่ทำจากหยกติดตัวไว้ก็เนื่องด้วยสาเหตุนี้
เรื่องเล่าก็คือเรื่องเล่า แต่ทว่าในวิชาฮวงจุ้ยสมัยโบราณของจีน การใช้ผีซิ่วสามารถคลี่คลายพลังพิฆาตได้หลายชนิด บริเวณแถวๆ ริมชายฝั่งทะเลทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนต่างก็เชื่อว่าผีซิ่วมีบทบาทในการปราบความสงบให้กับที่อยู่อาศัย
ผีซิ่วเป็นหนึ่งในลูกทั้งเก้าตัวของมังกรที่ดุร้ายที่สุด อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรผีซิ่วไม่เคยจู่โจมก่อน แต่จะนั่งรอสัตว์ที่ล่าได้เดินเข้ามาติดกับเอง ผู้คนรู้สึกว่ามันเป็นสัตว์ที่หนักแน่นและมีกำลังมาก ก็เลยนำมันไปตั้งกราบไหว้อยู่ภายในห้องโถง เพื่อใช้เป็นบทบาทในการปราบความสงบและขับไล่พลังพิฆาตให้กับที่อยู่อาศัย
พลังพิฆาตที่เรียกกันในวิชาฮวงจุ้ยนั้น หมายถึง สภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบที่มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อชีวิตคนเรา วิธีการคลี่คลายพลังพิฆาตในวิชาฮวงจุ้ยนั้นมีมากมาย แต่วิธีการคลี่คลายที่ค่อนข้างดีนั้นก็คือการตั้งวางอุปกรณ์ในการคลี่คลาย แล้วไม่มีผลกระทบต่อการจัดวางภายในที่มีอยู่เดิม
ผีซิ่วเป็นสัตว์มงคลในฮวงจุ้ยที่ใช้ปราบความสงบให้กับที่อยู่อาศัย คลี่คลายพลังพิฆาตจากภัยให้เป็นมงคล การคลี่คลายที่ชำนาญที่สุดก็คือ
อู่หวางซา (五黃煞 พลังพิฆาตห้าผี)
เทียนจ่านซา (天斬煞 พลังพิฆาตผ่ากลาง)
ชวานซินซา (穿心煞 พลังพิฆาตทะลุกลางใจ)
เหลียนเตาซา (鐮刀煞 พลังพิฆาตรูปเคียว)
อูเจี่ยวซา (屋角煞 พลังพิฆาตมุมแหลมของบ้าน)
เตาซา (刀煞 พลังพิฆาตรูปใบมีด)
ป๋ายหู่ซา (白虎煞 พลังพิฆาตเสือขาว)
หยินชี่ซา (陰氣煞 พลังพิฆาตพลังหยิน)
เอ้อเหยซา (二黑煞 พลังพิฆาตดาวสอง สีดำ)
ดังนั้นบทบาทของผีซิ่วในฮวงจุ้ยนั้นโดยรวมแล้วสามารถแบ่งออกได้สามข้อดังนี้

1. ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ปราบความสงบให้กับที่อยู่อาศัย
นำผีซิ่วที่ทำการเบิกเนตรเรียบร้อยแล้วมาตั้งวางเอาไว้ภายในบ้าน สามารถทำให้ดวงชะตาบ้านเปลี่ยนเป็นดีได้ ดวงชะตาที่ดีก็จะแข็งแกร่งขึ้น ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป และมีสรรพคุณในการปราบความสงบให้กับที่อยู่อาศัย กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองภายในบ้านให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข

2. โชคลาภการเงินรุ่งเรือง
นอกจากจะช่วยในเรื่องโชคลาภการเงินทองอ้อมแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยในเรื่องโชคลาภการเงินทางตรงด้วย ดังนั้นพ่อค้าที่ทำการค้าก็ควรจะตั้งวางผีซิ่วเอาไว้ภายในสถานประกอบการหรือภายในบ้าน

3. คลี่คลายอู่หวางซา (五黃煞 พลังพิฆาตห้าผี)
นำมาใช้คลี่คลายพลังพิฆาต ปราบความสงบให้กับที่อยู่อาศัย และ ทำให้โชคลาภการเงินรุ่งเรือง โดยเฉพาะในด้านดวงชะตาการเงินผีซิ่วจะมีบทบาทที่ค่อนข้างชัดเจน


ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุคได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า

วันที่ 29/03/2557 เวลา 0:24 น.

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 15 ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 15

ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

คนที่มีวาสนามีฟ้าคอยช่วยเหลือ
สมัยราชวงศ์ถังมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งชื่อหงจื้อ เขาเป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่ได้รับความสนใจจากราชสำนักมาก แต่เขาชอบท่องเที่ยวไปตามภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อ ใช้ชีวิตที่อิสระเสรี อีกทั้งชอบแสวงหาตำแหน่งมังกรตามธรรมชาติ
มีอยู่ครั้งหนึ่งปรมาจารย์หงจื้อท่องเที่ยวกลับมาจากเมืองลั่วหยางแล้วพูดกับเสนาบดีในตอนนั้นว่า ครั้งนี้ข้าได้พบเจอกับตำแหน่งมังกรที่แท้จริงตำแหน่งหนึ่งที่เส้นทางกวานเหมิน ถ้าพูดจากสภาวการณ์มังกรที่มาแล้ว มียอดเขาเก้ายอดโค้งเชื่อมต่อกันมาดุจดั่งกองทัพทหารกำลังออกรบ มีหมิงถังที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่ยอดเยี่ยมก็คือบนยอดเขาของมังกรที่มามีสระน้ำที่ใช้เลี้ยงมังกรน้ำที่ใสสะอาด ทางด้านซ้ายขวาของตำแหน่งมีเทือกเขาขึ้นลงเป็นชั้นๆ ซ้ายขวาโอบล้อม มีภูเขาอั้นซานอยู่ทางด้านหน้า และถัดจากภูเขาอั้นซานไปทางด้านหลังเผยให้เห็นถึงยอดเขาที่ปะทะขึ้นไปบนท้องฟ้า ถ้าหากฝังสุสานเอาไว้ที่นี่จะสามารถเป็นตุลการที่ยิ่งใหญ่หรืออัครมหาเสนาบดีได้
เสนาบดีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจมาก ถามว่า “แล้วผู้ใดจะได้รับบุญวาสนานั้น” ปรมาจารย์หงจื้อพูดว่า “ให้ท่านเสนาบดีอ้างกับฮ่องเต้ว่าป่วย แล้วหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านสามวัน ลูกน้องผู้ใต้บังคับของท่านจะต้องมาเยี่ยมเยียนท่านอย่างไม่ขาดสายแน่นอน แล้วข้าจะแอบสำรวจดูเงียบๆ อยู่หลังผ้าม่าน ดูว่าจะมีผู้ใดที่มีวาสนาปรากฏกายขึ้น ก็จะให้พื้นที่นี้แก่คนผู้นั้น”
ท่านเสนาบดีได้ยินก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ยอดเยี่ยมจึงทำตามนั้น ขณะที่อ้างว่าป่วยอยู่สามวันก็มีผู้คนมากมายทั้งข้าราชการตำแหน่งเล็กและใหญ่ต่างก็พากันมาเยี่ยมเยียน ปรมาจารย์หงจื้ออยู่ด้านหลังผ้าม่านคอยสำรวจดูอย่างละเอียด แต่ผู้คนที่พบเห็นนั้นถ้าไม่ใช่ไม่มีวาสนาจะได้รับมัน ก็ไม่มีคุณธรรมพอที่จะอาศัยพื้นที่นั้นอยู่ได้ แล้วท่านปรมาจารย์ก็คิดว่าคนเหล่านี้ต่อให้ฝังลงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับบุญวาสนานั้นแล้ว แต่กลับจะทำให้นำมาซึ่งภัยพิบัติและความเจ็บป่วยเสียด้วยซ้ำไป ขณะที่ท่านถอนใจ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนรายงานมาจากด้านนอกว่า “ข้าราชการชั้นผู้น้อยหยวนกานเย้ารอพบอยู่ที่หน้าประตู”
เนื่องจากว่าตำแหน่งข้าราชการของเขานั้นเล็กเกินไป ท่านเสนาบดีจึงคิดปฏิเสธที่จะพบ แต่ได้ยินปรมาจารย์หงจื้อพูดว่า “ในเมื่อคนมาแล้วก็รีบๆ ให้พบเถอะ” เสนาบดีได้ยินดังนั้นก็เรียกให้หยวนกานเย้าเข้าพบ
แต่ที่แท้แล้วหยวนกานเย้าไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมท่านเสนาบดี แต่มาเพื่อขอลางาน ในใจของท่านเสนาบดีรู้สึกรำคาญ แต่ได้ยินปรมาจารย์หงจื้อพูดมาจากทางด้านหลังผ้าม่านว่า “คนๆ นี้มีเกียรติและสูงศักดิ์เช่นเดียวกันกับท่าน ท่านไม่ควรที่จะเฉยเมย พื้นที่แห่งนี้อย่างไรก็ต้องเป็นของเขาผู้นี้” ขณะที่ท่านเสนาบดีกำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินหยวนกานเย้าขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “สุสานบรรพบุรุษของข้าอยู่ที่ลั่วหยางกวานเหมิน ปีนี้พ่อของข้าก็เสียชีวิตลง ขอท่านได้โปรดอนุญาตให้ข้าลากลับบ้านเพื่อไปอำลาบรรพบุรุษด้วย”
ท่านเสนาบดีและปรมาจารย์หงจื้อเมื่อได้ยินดังนั้นก็มีความคิดเห็นเดียวกัน ท่านเสนาบดีก็เลยนำคำพูดของปรมาจารย์หงจื้อพูดให้หยวนกานเจ้าฟังหนึ่งรอบ พร้อมทั้งต้องการให้หยวนกานเย้ากลับไปพร้อมกันกับท่านปรมาจารย์หงจื้อ เพื่อช่วยให้เขาได้รับพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่านั้นในการฝังบรรพบุรุษ
คิดไม่ถึงว่าหยวนกานเย้ากลับปฏิเสธแล้วพูดว่า “ข้าเป็นข้าราชการมือสะอาด ครอบครัวยากจน ไม่มีเงินซื้อพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่าที่ดีนี้ได้หรอก อีกทั้งด้วยสถานะของข้าแล้วไม่มีคุณสมบัติที่จะเชิญท่านปรมาจารย์หงจื้อมาช่วยข้าฝังบรรพบรุษ”
จากการปฏิเสธหลายครั้งหลายคราของหยวนกานเย้า ทั้งท่านเสนาบดีและปรมาจารย์หงจื้อจึงได้แต่ถอนใจและยอมล้มเลิกไป หยวนกานเย้าจึงกลับบ้านไปเพียงลำพัง
เรื่องราวผ่านไปสองปี ปรมาจารย์หงจื้อได้ออกไปท่องเที่ยวยังเมืองลั่วหยางและผ่านเส้นทางกวานเหมินอีกครั้ง เขาก็เลยไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของหยวนกานเย้าพร้อมทั้งถามถึงตำแหน่งสุสานบรรพบุรุษ และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดและเป็นความบังเอิญอย่างที่สุด
ที่แท้แล้วสุสานพ่อของหยวนกานเย้านั้นฝังอยู่ในตำแหน่งที่ท่านปรมาจารย์หงจื้อคิดจะมอบให้เขานั่นเอง ท่านปรมาจารย์ก็เลยเปิดเข็มทิศออกมาวัดทิศทาง สำรวจทั้งด้านหน้าด้านหลัง ตรวจสอบอยู่นานแล้วก็พูดว่า “เป็นธรรมชาติที่ฟ้าสร้างจริงๆ คนที่มีวาสนาก็จะต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีวาสนา”
หลังจากที่ปรมาจารย์หงจื้อกลับไปก็ได้นำเรื่องนี้บอกกล่าวแก่ท่านเสนาบดี พร้อมทั้งพูดว่า “เป็นฟ้าช่วยหยวนกานเย้าผู้มีเกียรติและสูงศักดิ์จริงๆ”
ต่อมาหยวนกานเย้าจากข้าราชการชั้นผู้น้อยก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นอัครมหาเสนาบดี เขารุ่งเรืองเร็วมากภายในเวลาไม่เกินยี่สิบปี

อาจารย์ฮวงจุ้ยและหญิงแก่มีเมตตาคนหนึ่ง
มีอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่งตลอดชีวิตล้วนแสวงหาชีพจรมังกรตามที่ว่ากันในหนังสือประวัติศาสตร์ วันหนึ่งท่านออกตามหายังภูเขาน้อยใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าท่ามกลางแดดที่ร้อนแรง แม้แต่ร่องรอยของน้ำก็มองหาไม่เจอ ขณะที่ท่านหิวน้ำมากอยู่นั้นทันใดก็มองเห็นบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป จึงรีบไปยืนเรียกอยู่หน้าประตู ผ่านไปครึ่งวันมีหญิงชราค่อยๆ เดินออกมาเปิดประตู อาจารย์ฮวงจุ้ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าไม่หยุดพร้อมทั้งพูดว่า “ท่านยายให้น้ำข้าดื่มหน่อยจะได้ไหม” หญิงชรามองหน้าที่แดงก่ำและแม้แต่ลำคอก็ถูกแดดเผาของอาจารย์ฮวงจุ้ยแล้วพูดว่า “รอสักครู่” จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้านและไม่ได้ให้อาจารย์ฮวงจุ้ยเข้ามานั่งรอในบ้านด้วย
ผ่านไปอีกครึ่งวัน ขณะที่อาจารย์ฮวงจุ้ยรออย่างไร้อารมณ์อยู่นั่นเอง หญิงชราก็ค่อยๆ เดินออกมาและในมือก็มีน้ำหนึ่งถ้วย อาจารย์ฮวงจุ้ยก็รีบรับถ้วยน้ำมาจากหญิงชรา ขณะกำลังคิดว่าจะดื่มลงไปทีเดียวหมดนั้นก็พบว่าน้ำในถ้วยมีรำข้าวลอยอยู่ ในใจของอาจารย์ฮวงจุ้ยรู้สึกโกรธมากแต่ก็ดื่มน้ำลงไป แล้วก็คิดว่า “หญิงชราคนนี้แท้ที่จริงแล้วไม่ใจดีเลยแม้แต่น้อยแล้วก็ยังขี้งกมากอีกด้วย ขอน้ำสะอาดดื่มหนึ่งถ้วยก็ไม่ให้ ดูว่าข้าจะลงโทษหญิงชราเจ้าอย่างไร” จากนั้นก็พูดกับหญิงชราว่า “ท่านยายขอบคุณสำหรับน้ำของท่าน ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าเป็นอาจารย์ ฮวงจุ้ยข้าก็จะดูหยินจ๋ายให้ท่านแล้วกัน หลังจากนี้ไปอีกร้อยปีท่านก็จะสามารถพักผ่อนอยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย”
หญิงชราก็เลยตามอาจารย์ฮวงจุ้ยไปที่ด้านหลังเขา อาจารย์ฮวงจุ้ยหยิบเข็มทิศออกมาทำการวัด หลังจากนั้นก็วาดตัวอักษร 十 ลงไปบนพื้นแล้วพูดกับหญิงชราว่า “นี่เป็นพื้นที่ที่มีความรุ่งเรืองผืนหนึ่ง หลังจากนี้ไปอีกร้อยปีท่านก็พักผ่อนที่นี่เถอะ” หญิงชราตอบตกลงแล้วพูดว่า “ท่านรีบไปเถอะพายุกำลังจะมา”
เวลาผ่านไปสิบกว่าปีอาจารย์ฮวงจุ้ยก็ผ่านไปยังพื้นที่บริเวณนี้อีกครั้ง เขานึกถึงหญิงชราคนนั้นขึ้นมา ในตอนนั้นพื้นที่ที่เขาให้ไปจริงๆ แล้วเป็น “พื้นที่สูญสิ้น (หรือพื้นที่มรณะ) 絕地 เจวี๋ยะตี้” หรือก็คือถ้าหากหญิงชราถูกฝังอยู่ที่นี่ครอบครัวก็จะตกต่ำล้มเหลวและไม่มีลูกหลานสืบตระกูล
อาจารย์ฮวงจุ้ยมาถึงยังพื้นที่สุสานผืนนั้น มองปราดเดียวก็เห็นพื้นที่ที่เขาเลือกเอาไว้ผืนนี้มีป้ายสุสานตั้งอยู่ อาจารย์ฮวงจุ้ยหันหลังมองกลับไปบ้านเก่าๆ หลังนั้นก็ไม่เห็นแล้ว แล้วที่เขาด้านล่างในตอนนั้นก็เกือบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อาจารย์ลงมาที่เขาด้านล่างและเคาะประตูบ้านที่หรูหราที่สุดในหมู่บ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาและต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
อาจารย์ฮวงจุ้ยถามถึงข่าวคราวของหญิงชรากับบ้านเก่าหลังนั้นจากชายหนุ่ม ชายหนุ่มพูดว่า “ท่านก็คืออาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นหรอกหรือ หลังจากที่ท่านจากไปได้ไม่นานท่านยายของข้าก็ตาย ก่อนตายท่านยายยังพูดถึงท่านกับพวกเรา และยังให้พวกเรานำท่านยายมาฝังไว้บนที่ผืนนั้นให้ได้ ท่านบอกว่านั่นเป็นที่ที่ท่านช่วยเลือกให้ท่านยายด้วยความตั้งใจ”
ชายหนุ่มเล่าไปเรื่อยๆ และเอาน้ำหนึ่งถ้วยให้อาจารย์ฮวงจุ้ย “ท่านค่อยๆ ดื่ม ท่านเดินมาเหนื่อยและร้อน จึงไม่ควรดื่มเร็วเกินไป นี่เป็นคำพูดของท่านยายข้า ในตอนนั้นที่ท่านยายให้น้ำท่านดื่ม ท่านคงไม่ได้โกรธนะ ทุกคนที่ผ่านมาขอน้ำดื่มท่านยายจะใส่รำข้าวลงไปบนน้ำเล็กน้อย เพื่อไม่ให้คนที่ผ่านมานั้นดื่มน้ำเร็วเกินไปจนทำร้ายสุขภาพร่างกาย”
อาจารย์ฮวงจุ้ยรู้สึกเสียใจก็สายไปเสียแล้ว แต่เมื่อมองครอบครัวที่มีความเจริญรุ่งเรืองนี้แล้วอาจารย์ฮวงจุ้ยก็ยังคิดไม่ออกว่าในตอนนั้นเขาดูผิดไปหรือ นี่เป็นไปไม่ได้ อาจารย์ฮวงจุ้ยก็เลยไปยังพื้นที่ตั้งสุสานกับชายหนุ่มอีกครั้ง เขานำเข็มทิศออกมาและทำการวัดอย่างละเอียดอีกครั้ง “นี่เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้” อาจารย์ฮวงจุ้ยยิ่งดูก็ยิ่งตกใจ คิดไม่ถึงว่านี่ก็คือชีพจรมังกรที่เขาใฝ่ฝันตามหาหรอกหรือ
ชายหนุ่มพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกับอาจารย์ฮวงจุ้ยว่า หลังจากที่ท่านจากไปได้ไม่นาน ก็มีพายุเข้าอีกทั้งฝนตกหนักติดต่อกันสามวันสามคืน ต่อมาก็มีน้ำไหลบ่ามาจากภูเขาอย่างฉับพลันปะทะเอาสิ่งของที่มีอยู่เกือบจะทั้งหมดไป บ้านเก่าหลังนั้นของข้าก็ถูกน้ำที่ไหลบ่ามานั้นปะทะไปด้วยเช่นกัน
ผ่านไปไม่นานท่านยายของข้าก็ตาย ก่อนตายก็หาที่ผืนนั้นของท่านอย่างยากลำบากกว่าจะเจอ ท่านยายของข้าบอกว่าเพียงแค่เอาท่านยายฝังเอาไว้บนที่ผืนนี้ พวกเราทั้งครอบครัวก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
หลังจากที่น้ำท่วมผ่านไป เดิมทีพื้นที่ตรงนี้มีชาวบ้านตั้งอยู่อาศัย แต่ตอนนี้กลายเป็นที่ที่มีชื่อเสียงของท้องถิ่น และตรงนี้เดิมทีก็มีเพียงแค่ไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะท่าน
ที่แท้แล้วน้ำที่ไหลบ่ามาจากภูเขาครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง วิชาฮวงจุ้ยเชื่อว่าในการใช้ชีวิตของคนๆ หนึ่งจะต้องปฏิบัติและมีความประพฤติที่ดีงาม และต้องคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ เพียงแค่คุณมีจริยธรรมที่สูงส่ง ทำอะไรก็มีความเที่ยงธรรม คนอื่นก็ยากที่จะทำร้ายคุณได้ ขอเพียงแค่พวกเราทำในสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ควรได้มันก็จะได้มาเอง

นักบวชเต๋าที่ทำลายฮวงจุ้ยสุสานตระกูลหลี่ (李)
ในใจของคนธรรมดาทั่วๆ ไปเชื่อว่าตำแหน่งที่ดีในฮวงจุ้ยที่ดีเหมือนดั่งแฝงไว้ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวย ฉะนั้นจึงคิดพยายามแสวงหาตำแหน่งที่เป็นมงคล ถ้าหากตำแหน่งมงคลมีเจ้าของแล้วก็ยังไม่ยอมเลิกล้มและคิดว่าจะขโมยฮวงจุ้ย นี่ก็ถือเป็นการทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง
สมัยราชวงศ์ชิงในมณฑลฮกเกี้ยนมีภูเขาใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง ในภูเขาลูกนั้นมีสุสานที่มีฮวงจุ้ยที่ดีมากซึ่งเป็นของตระกูลหลี่ ลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลหลี่เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยมารุ่นสู่รุ่น
ในสมัยนั้นมีนักบวชเต๋าที่มีความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์ตัวเลข ซึ่งเขาก็มีจิตใจที่จะยึดครองตำแหน่งมงคลนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสที่ดี ทันใดนั้นเองลูกสาวของนักบวชเต๋าก็ป่วยหนักอาการร่อแร่ ระหว่างที่เจ็บหนักใกล้ตายนักบวชเต๋าก็พูดกับลูกสาวว่า “เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ โชคไม่ดีที่เจ้าต้องป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ จะช้าจะเร็วก็ต้องตาย ไม่ใช่ว่าพ่อจะใจร้าย แต่ก่อนที่เจ้าจะสิ้นลมพ่อต้องการตัดของสิ่งหนึ่งบนตัวของเจ้า ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อที่เลี้ยงเจ้ามาสิบกว่าปีก็แล้วกัน”
ลูกสาวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นตะลึง “สิ่งที่เรียกว่า เนื้อหนังมังสาในร่างกายนั้นได้รับมาจากพ่อแม่ วันนี้พ่อต้องการลูกก็ไม่กล้าที่จะคัดค้าน แต่อยากจะรู้ถึงเหตุผล”
นักบวชเต๋าพูดว่า “พ่อมีความคิดจะแอบใช้สุสานของตระกูลหลี่มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสที่ดี เนื่องจาก ว่าต้องการกระดูกของลูกแท้ๆ ที่เกิดจากพ่อ แล้วแอบไปฝังเอาไว้ในสุสานจึงจะมีความขลัง อีกทั้งจำเป็นจะต้องเป็นกระดูกของลูกแท้ๆที่ใกล้ตายแต่ยังไม่ตายเช่นเจ้าจึงจะมีความขลัง ดังนั้นให้พ่อได้เอากระดูกจากในตัวเจ้าเถอะ”
ลูกสาวยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นใดๆ นักบวชเต๋าก็เอามีดฟันลงไปที่กระดูกท่อนแขนของลูกสาว หลังจากนั้นก็เก็บเอาไว้ในเขาแพะแล้วแอบเอาไปฝังไว้ในสุสานตระกูลหลี่ นับแต่นั้นมาตระกูลหลี่ก็เกิดเรื่องราวที่ไม่สมความปรารถนาขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนครอบครัวของนักบวชเต๋าก็ดีวันดีคืนเจริญรุ่งเรืองขึ้น ผ่านไประยะหนึ่งคนในตระกูลหลี่ก็พบว่าดวงชะตาของทั้งสองตระกูลนี้ เมื่อตระกูลหนึ่งมีสิ่งหนึ่งขาดหาย อีกตระกูลก็จะมีเพิ่มขึ้น เมื่อคนในครอบครัวตระกูลหลี่ที่เป็นข้าราชการชั้นเอกตายลงหนึ่งคน ครอบครัวนักบวชเต๋าก็มีคนสอบได้เป็นข้าราชการชั้นเอกหนึ่งคน เมื่อผลิตผลไร่นาของตระกูลหลี่ลดลงสิบโต่ว (1 โต่ว=10 ลิตร) ผลิตผลไร่นาของตระกูลนักบวชเต๋าก็เพิ่มขึ้นมาสิบโต่ว ถึงแม้ว่าคนในครอบครัวตระกูลหลี่จะรู้สึกแปลกประหลาดใจมากแต่ก็ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง ให้อาจารย์ฮวงจุ้ยมาดูก็หาสาเหตุไม่เจอ
ต่อมาในเทศกาลเชงเม้งของปีหนึ่ง คนในหมู่บ้านแห่ต้อนรับเทพเจ้าต้าตี้ หามรูปปั้นเทพเจ้าตระเวนไปทั่วแต่ไม่มีความคึกคัก เมื่อคนในหมู่บ้านหามรูปปั้นเดินมาถึงข้างสุสานตระกูลหลี่ เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นในทันใด รูปปั้นเทพเจ้าหนักจนยกไม่ขึ้น ถึงแม้จะใช้คนเป็นสิบก็ไม่ขยับ เหมือนกับว่ามีรากงอกออกมา ขณะที่ทุกคนกำลังงงตะลึงกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งถูกเทพเจ้าสิงร่างพร้อมทั้งตะโกนร้องเสียงดัง “ข้าคือเทพต้าตี้ พวกเจ้าจงฟัง สุสานตระกูลหลี่มีปีศาจมาทำลายฮวงจุ้ย จำเป็นจะต้องจับกุมตัวทันที พวกเจ้ารีบกลับบ้านไปเอาจอบ พลั่ว มาจับปีศาจ รีบไปรีบมา”
ในตอนที่กำลังทำพิธีต้อนรับเทพเจ้าอยู่นั้นก็มีพี่น้องตระกูลหลี่มากมายรวมอยู่ด้วย ก็เลยรีบทำตามคำสั่งกลับไปเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาเพื่อทำการจับปีศาจ หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันที่สุสานตระกูลหลี่ แล้วก็ต่างขุดบริเวณรอบๆ สุสานเพื่อค้นหา สุดท้ายแล้วค้นพบเขาแพะถูกฝังลึกอยู่ใต้สุสาน ตรงเขาแพะมีงูสีแดงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งวนเวียนยกหัวแลบลิ้นอยู่ตรงนั้น ทุกคนพากันฆ่างูให้ตายแล้วนำเอาเขาแพะออกมาดูอย่างละเอียดพบว่าที่ด้านข้างของเขาแพะมีตัวอักษรเล็กๆ แกะสลักอยู่ ซึ่งที่แกะสลักอยู่บนเขาแพะนั้นเป็นรายชื่อคนในตระกูลของนักบวชเต๋าทั้งหมด
ถึงตรงนี้ทุกคนต่างก็รู้แจ้งและเข้าใจถึงกลอุบายของนักบวชเต๋าที่แอบฝังเอาไว้ในสุสาน หลังจากที่ความจริงเปิดเผย นักบวชเต๋าก็ถูกส่งไปยังราชสำนัก ส่วนตระกูลหลี่นับแต่นั้นก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 22/03/2557 เวลา 2:41 น