เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 14
ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย
ป้ายสุสานของบรรพบุรุษตระกูลเหยียน (嚴) รุ่นเจ็ด
เหยียนซ่งเป็นขุนนางชั้นสูงในสมัยราชวงศ์หมิง เมื่ออายุมากขึ้นก็ครุ่นคิดถึงการหาพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่าผืนหนึ่งเพื่อใช้ทำเป็นหยินจ๋าย เขาก็เลยให้อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงทั้งหมดมาเลือกหยินจ๋ายให้ ที่ที่อาจารย์ฮวงจุ้ยทั้งหลายต่างหาออกมาไม่สามารถที่จะทำให้เหยียนซ่งพึงพอใจได้ สุดท้ายมีอาจารย์ฮวงจุ้ยคนหนึ่งบอกกับเหยียนซ่งว่า “ข้าพบเจอที่ที่หนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ร้อยปีหลังจากนี้ถ้าท่านถูกฝังอยู่ที่นี่ ลูกหลานรุ่นหลังจะได้มีอำนาจสูงสุด เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนี้มีข้อเสียอยู่สองข้อ คือ หนึ่ง การปกป้องจะอยู่หลังจากนี้ไปอีกเจ็ดรุ่น สอง เกรงว่าในบั้นปลายชีวิตท่านอาจจะมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีนัก”
เหยียนซ่งก็เป็นคนที่มีฝีมือฮวงจุ้ยอี้จิงที่สูงเช่นกัน เมื่อมองดูที่พื้นที่ก็ครุ่นคิดอยู่หลายรอบแล้วพูดว่า “พื้นที่นี้ล้ำค่า” ก็เลยให้คนงานมาขุดทำเป็นสุสาน ไม่กี่วันต่อมามีข่าวคราวรายงานว่าขุดป้ายหินก้อนหนึ่งออกมาได้ ร่องรอยของตัวอักษรด้านบนหลากสี จึงเชิญเหยียนซ่งให้มาตัดสินใจ เหยียนซ่งรีบมาสำรวจดู หลังจากดูแล้วก็สูดลมหายใจหนึ่งที ที่แท้แล้วป้ายหินนี้ก็เป็นป้ายสุสานของบรรพบุรุษรุ่นเจ็ดพอดีนั่นเอง
พื้นที่ที่ดูภายนอกแล้วเหมือนพื้นที่แห่งราชา
มีอาจารย์ฮวงจุ้ยคนหนึ่งอยากจะหาพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่าเพื่อใช้เป็นที่สืบทอดให้กับคนรุ่นหลังไปอีกร้อยปี ตระเวนหาไปทั่ว ในที่สุดก็พบสถานที่ที่หนึ่ง ที่แห่งนี้มีภูเขาเฟิ่งซานห้าสีเป็นหลักให้พึ่งพิง ข้างหน้าเป็นสายน้ำสีเขียว ซ้ายขวามียอดเขาสูงตระหง่าน มองลงไปด้านล่างก็เห็นเทือกเขาเล็กๆ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นสถานที่แห่งราชา
ผ่านไปหนึ่งปี อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้ได้ให้กำเนิดลูกชาย และได้มอบหมายเรื่องราวหลังจากนี้ร้อยปีเอาไว้ ไม่กี่ปีผ่านไปอาจารย์ฮวงจุ้ยเสียชีวิตลง คนในครอบครัวก็ได้ทำการฝังศพตามข้อเรียกร้องของท่าน
เวลาผ่านไปอีก ขณะที่เด็กคนนี้กำลังศึกษาความรู้ขั้นพื้นฐานก็ชอบที่จะขึ้นร้องเพลงงิ้ว อีกทั้งมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด เลียนแบบอะไรก็เหมือนแบบนั้น โดยเฉพาะเวลาที่แสดงเป็นจักรพรรดิหรือเสนาบดีจะมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุด หลังจากเติบโตขึ้นก็ได้กลายเป็นนักแสดงชื่อดัง บนเวทีจะแสดงเป็นจักรพรรดิ เสนาบดี และเหล่าข้าราชการชั้นสูงโดยเฉพาะ
เสียดายที่เป็นเพียงแค่บนเวทีเท่านั้น ต่อมามีอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่งเปิดเผยว่า “ข้าเคยดูพื้นที่นี้มาก่อนแล้ว ดูผิวเผินจะเหมือนเป็นพื้นที่แห่งราชา แต่ถ้าวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว พื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่ฮวงจุ้ยน้อยๆ จึงสามารถเป็นได้เพียงแค่การแสดงบนเวทีเท่านั้น”
อาจารย์ฮวงจุ้ยและเศรษฐีพ่อลูก
อาจารย์ที่ดูฮวงจุ้ยจะมีตาทิพย์ สามารถมองออกว่าที่ไหนเป็นพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่า หรือก็คือสามารถหาพลังดินที่ดีได้พบนั่นเอง
เล่ากันว่า อาจารย์ฮวงจุ้ยเหล่านั้นจะไม่มอบพื้นที่ที่ดีที่สุดให้กับพวกคุณ หรือก็คือที่เรียกว่าตำแหน่งตา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะบอกตำแหน่งที่เพี้ยนเล็กน้อย เพราะว่าถ้าหากอาจารย์นำเอาจุดตำแหน่งตาให้กับคุณ ตัวเขาเองจะได้รับการถูกลงโทษจากสวรรค์
นานมาแล้วมีเศรษฐีท้องที่แห่งหนึ่งต้องการจะฝังศพให้กับบรรพบุรุษ ก็เลยเชิญอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งให้หาพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่าเพื่อใช้ทำเป็นพื้นที่สุสาน เศรษฐีคนนี้ยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้หาตำแหน่งตาที่มีพลังดิน อาจารย์ฮวงจุ้ยบอกกับเศรษฐีว่า “ถ้าหากข้าเลือกตำแหน่งตาให้เจ้าได้ ครอบครัวของเจ้าจะมีลูกหลานเป็นข้าราชการอย่างแน่นอน แต่ข้าก็จะตาบอดทั้งสองข้าง นับจากนั้นข้าก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้”
เมื่อเศรษฐีได้ฟังดังนั้นก็รับปากอย่างจริงใจว่า “ถ้าหากท่านตาบอดจริงๆ ข้าจะเลี้ยงท่านและครอบครัวไปตลอดชีวิต ลูกของท่านก็คือลูกของข้า ข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี ท่านโปรดวางใจได้” อาจารย์ฮวงจุ้ยเหลือทนกับคำร้องขอทุกวิถีทางของเศรษฐีจึงได้แต่รับปาก
นับจากนั้นเป็นต้นมา ลูกๆ ของเศรษฐีแต่ละคนก็มีความโดดเด่น ล้วนเดินอยู่ในเส้นทางที่จะเป็นขุนนางตามลำดับขั้นตอน และแน่นอนว่าเศรษฐีก็รักษาคำสัญญาที่ตนเองให้ไว้ ให้บ้านหนึ่งหลังแก่อาจารย์ฮวงจุ้ย และให้ลูกของท่านได้เรียนหนังสือ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวอาจารย์ฮวงจุ้ยเป็นอย่างดีอย่างเต็มกำลัง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีความสุขและไร้กังวลเรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
เวลาผ่านไปหลายปี เศรษฐีเสียชีวิตลง คุณชายใหญ่เป็นเจ้าบ้าน คุณชายใหญ่รู้สึกว่าครอบครัวของตนเองต้องคอยปรนนิบัติอาจารย์ฮวงจุ้ยที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยมานานหลายปี มีแต่เสียเปรียบ จึงค่อยๆ ตัดอาหารของอาจารย์ฮวงจุ้ยลง และโยนทิ้งคำสัญญาของเศรษฐีไป อาจารย์ฮวงจุ้ยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากต่อการกระทำของคุณชายใหญ่ แต่ท่านเศรษฐีตายไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้ จะทำอย่างไรดี
วันหนึ่งอาจารย์ฮวงจุ้ยคิดหาแผนการได้จึงพูดกับคุณชายใหญ่ว่า “คุณชายใหญ่ ถ้าหากท่านอยากจะให้ครอบครัวของท่านเป็นข้าราชการชั้นสูงกว่านี้ในภายภาคหน้า และมีความร่ำรวยมากกว่านี้ ท่านก็ต้องย้ายสุสานไปทางขวาอีกหนึ่งเมตร นั่นจะยิ่งเป็นการดี” คุณชายใหญ่ดีใจมากกับความคิดเห็นนี้
วันที่จะทำการเคลื่อนย้ายสุสาน อาจารย์ฮวงจุ้ยก็รีบมายังพื้นที่ตั้งสุสาน ขณะที่กำลังเปิดสุสานออกนั้น อาจารย์ฮวงจุ้ยก็ถามคุณชายใหญ่ว่า “ด้านล่างของโลงศพมีคุ้งน้ำหรือไม่” คุณชายใหญ่ตอบว่า “มี มีคุ้งน้ำ” อาจารย์ฮวงจุ้ยคลำหาทางแล้วเดินไปยังคุ้งน้ำนั้น สองมือก็คลำไปคลำมาในน้ำ คลำเจอกุ้งที่ยังมีชีวิตสองตัว เขานำกุ้งแบ่งครึ่งออกเป็นสองส่วนแล้วทาลงไปบนตา ตาที่บอดมานานหลายปีก็กลับมองเห็นขึ้น หลังจากนั้นอาจารย์ฮวงจุ้ยกอดอกแล้วฮัมเพลงเดินกลับบ้านไป
ผ่านไปอีกหลายปี เนื่องจากว่าคุณชายใหญ่ล่วงเกินต่อพระราชสำนักจึงถูกเนรเทศไปอยู่ในที่ไกลแสนไกล สถานการณ์ในครอบครัวของคุณชายใหญ่ก็ค่อยๆตกต่ำลงเรื่อยมา
ภูมิประเทศไม่สามารถเกินเลยหลักธรรม
สมัยโบราณ ครอบครัวมีเงินที่อยู่แถวๆ ริมฝั่งทะเลเมืองกวางตุ้งล้วนมีวัฒนธรรมประเพณีที่คอยเลี้ยงดูอุปการะอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเมืองเจียงซีเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เนื่องจากว่าขาดแคลนอุปกรณ์ในการเดินทาง บวกกับเมืองเจียงซีกับริมฝั่งทะเลเมืองกวางตุ้งมีเส้นทางที่ยาวไกลมาก อาจารย์ฮวงจุ้ยก็มักจะอาศัยอยู่ที่นั่นกันเป็นเวลาหลายปี
เล่ากันว่าสถานที่แห่งหนึ่งในเมืองกวางตุ้งของจีนมีเศรษฐีคนหนึ่ง แซ่ปู้ (布) ชื่อต้าวเต๋อ (道德) มีเรือกสวนไร่นา มีเงินทองมากมาย ปล่อยที่นาให้เช่า ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เปิดซ่องโสเภณี ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาโดยมิชอบไหลมาเทมา ลับหลังคนในท้องที่จะเรียกเขาว่า “ปู้ต้าวเต๋อ (不道德 ไม่มีคุณธรรม)”
พ่อของปู้ต้าวเต๋อสมัยยังหนุ่มยากจนมาก แต่เป็นคนซื่อ มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง และชอบช่วยเหลือผู้อื่น โอกาสบังเอิญครั้งหนึ่งทำให้ได้พบกับอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเมืองเจียงซี และได้เลือกตำแหน่งที่ดีมากที่มีชื่อว่า “เหนียนหยวี๋ซั่งสุ่ย (鯰魚上水)” เมื่อฝังเถ้ากระดูกของบรรพบุรุษลงไปแล้ว นับจากนั้นดวงชะตาก็เปลี่ยนแปลงไป และค่อยๆ สะสมทรัพย์สินเงินทองได้ในระดับหนึ่ง
ก่อนที่พ่อของปู้ต้าวเต๋อจะตาย ได้กำชับลูกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าที่ตระกูลปู้ของเราสามารถมีวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์ฮวงจุ้ย นับจากนี้ไปลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะต้องปรนนิบัติอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเมืองเจียงซีให้ดีๆ ปู้ต้าวเต๋อจำคำสั่งเสียของพ่อก่อนตายได้อย่างแม่นยำ พอเจอกับอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเมืองเจียงซีก็เชื้อเชิญให้มาที่บ้านและจัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างมโหฬาร ต่อมามีอาจารย์ฮวงจุ้ยอีกท่านหนึ่งที่มาจากเมืองเจียงซีได้อยู่อาศัยที่บ้านของปู้ต้าวเต๋อเป็นเวลานาน ปู้ต้าวเต๋อก็ต้อนรับท่านเหมือนดังแขกพิเศษและไม่กล้าที่จะเฉยเมยเลยแม้แต่น้อย
ที่น่าแปลกก็คือปู้ต้าวเต๋อกลับไม่เคยเชิญให้อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้ทำอะไรเลย ท่านก็รู้สึกแปลกใจและเคยขอลากลับอยู่หลายครั้ง แต่ปู้ต้าวเต๋อก็จะพูดจารั้งไว้ไม่ให้กลับอยู่เสมอๆ ท่านจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะอำลากลับ อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้อยู่อาศัยบ้านปู้ต้าวเต๋อไปๆ มาๆ ก็สิบปีแล้ว ท่านมีอายุมากขึ้นและรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายตัวเองไม่ค่อยดีนักจึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลาย
ก่อนจะเดินทางท่านได้พูดกับปู้ต้าวเต๋อว่า “ด้วยความกรุณาของครอบครัวเจ้าที่คอยปรนนิบัติดูแลมาเป็นเวลานาน ข้ารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ตอนนี้ข้าอายุมากแล้ว ร่างกายก็ไม่เหมือนแต่ก่อนจึงอยากจะกลับไปใช้บั้นปลายชีวิตที่บ้านและอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ก่อนออกเดินทางมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้เป็นการขอบคุณ ตามที่ข้าได้สำรวจดูบ้านของเจ้า ตำแหน่งดวงชะตารุ่งเรืองของ “เหนียนหยวี๋ซั่งสุ่ย (鯰魚上水)” ใกล้จะผ่านไป ข้าได้เลือกพื้นที่ที่ดีสำหรับสร้างบ้านให้กับเจ้า ชื่อว่า “ซื่อหม่ากุยฉาว (四馬歸槽)” เมื่อบ้านหลังนี้สร้างเสร็จจะสามารถหลบเลี่ยงความตกต่ำของครอบครัวได้ และรับรองได้ว่าตระกูลเจ้าจะร่ำรวยไปรุ่นสู่รุ่น”
ปู้ต้าวเต๋อได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก มองดูพื้นที่สร้างบ้านที่อาจารย์ฮวงจุ้ยเป็นผู้เลือกให้ก็รู้สึกพึงพอใจพื้นที่นั้นเป็นอย่างมาก อาจารย์ฮวงจุ้ยยังเลือกวันที่เป็นมงคลในการเปิดพื้นที่ขยับหน้าดินให้อีกด้วย และก็นำเอาข้อเรียกร้องในการสร้างบ้านอย่างเป็นรูปธรรมบอกกับปู้ต้าวเต๋ออย่างละเอียด พื้นที่ ซื่อหม่ากุยฉาว (四馬歸槽) นี้ ฟังดูก็จะต้องสร้างบ้านเป็นกระท่อม ห้ามสร้างเป็นกระเบื้องมุงหลังคาเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการทำลายฮวงจุ้ย
ในตอนนี้มีอาจารย์ฮวงจุ้ยในท้องที่อยู่ตรงนั้นพอดี ได้ยินดังนั้นก็ทำเสียงยิ้มเยาะออกมา ปู้ต้าวเต๋อจึงถามว่ายิ้มอะไร อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้จึงพูดว่า “คำขู่ของอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีท่านนี้ไม่ควรเชื่อเด็ดขาด เจ้าเป็นเศรษฐีที่มั่งคั่งร่ำรวย ฟังว่าให้สร้างกระท่อม จะไม่ให้ผู้คนหัวเราะจนฟันหลุดได้อย่างไร ตามที่ข้าดูไม่เพียงแต่จะต้องสร้างเป็นบ้านกระเบื้องมุงหลังคาแล้ว อีกทั้งยังต้องใช้ประตูหินและหน้าต่างหิน ที่หน้าประตูก็ต้องมีสิงโตหินอีกหนึ่งคู่ จึงจะสอดคล้องเข้ากันกับรูปทรงของตำแหน่งนี้ ถ้าหากสร้างบ้านกระท่อมจะทำให้ลูกหลานรุ่นหลังยากจน”
อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีก็โต้เถียงไปตามเหตุผล ชี้ว่าถ้าหากสร้างบ้านกระเบื้องมุงหลังคา ใช้ประตูหิน หน้าต่างหิน และ สิงโตหิน ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำให้เกิดความร่ำรวยได้ แต่กลับจะทำให้ไร้ซึ่งทายาทสืบสกุลเสียด้วยซ้ำไป
อาจารย์ฮวงจุ้ยทั้งสองฝ่ายต่างโต้เถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก ในตอนนั้นปู้ต้าวเต๋อก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี ขณะนี้เองมีคนชราคนหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “พวกเจ้าทั้งสองต่างก็พูดในเหตุผลของแต่ละคน พวกข้าฟังก็ไม่เข้าใจ ที่นี่พวกเรามีศาลเจ้าเฉิงหวางที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองลองไปเสี่ยงทายที่ศาลเจ้านี้ดู ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ตัดสินเป็นอย่างไร”
คนสาขาอาชีพเดียวกันทั้งสองคนก็เลยคุกเข่าที่หน้าแท่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปู้ต้าวเต๋อพูดว่า “เจ้าพ่อเฉิงหวาง ขณะนี้มีอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเมืองเจียงซี และอาจารย์ฮวงจุ้ยท้องถิ่นมีความเห็นที่แตกต่างกันในการสร้างบ้านใหม่ของปู้ต้าวเต๋อ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเป็นผู้ตัดสินความเห็นของอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านใดถูกต้องโปรดให้ได้ไม้สั้น ถ้าไม่ถูกต้องโปรดให้ได้ไม้ยาว”
อาจารย์ฮวงจุ้ยทั้งสองต่างก็เลือกกันคนละหนึ่งอัน เกิดความคาดไม่ถึงของอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซี เขาเลือกได้ไม้ยาว ส่วนอาจารย์ฮวงจุ้ยท้องถิ่นอีกท่านหนึ่งเลือกได้ไม้สั้น
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลปู้ อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีบอกกับปู้ต้าวเต๋ออีกครั้งถึงความคิดที่ถูกต้องของตนเอง และให้ปู้ต้าวเต๋อคิดให้ดีก่อนจะลงมือทำอะไรลงไป แต่ว่าปู้ต้าวเต๋อเห็นผลลัพธ์ของการเสี่ยงทายด้วยตาของตนเองจึงไม่ฟังความคิดเห็นของอาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีท่านนี้อีก อาจารย์ฮวงจุ้ยท่านนี้จึงทำได้เพียงแค่เก็บสัมภาระ พอเช้าวันที่สองก็อำลาตระกูลปู้กลับไปยังบ้านเกิด
เวลาผ่านไปเจ็ดถึงแปดปี อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีท่านนี้ก็ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ในใจก็ยังผูกพันกับเรื่องของตระกูลปู้ จึงตัดสินใจกลับไปพิสูจน์ความมีมงคลและความเป็นอัปมงคลของบ้านตระกูลปู้หลังจากที่สร้างเสร็จ
เมื่อไปถึงหมู่บ้านก็ใกล้ค่ำแล้ว จึงไปดูยังพื้นที่ตั้งที่เลือกให้ตระกูลปู้สร้างบ้าน แต่ก็มองเห็นว่าที่ด้านบนของบ้านมีควันจากการหุงหาอาหารลอยขึ้นมา ไม่มีปรากฏการณ์ของความตกต่ำเลยแม้แต่น้อย ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความระแวงสงสัยคิดว่าตัวเองคิดผิดจริงๆ หรือ ขณะกำลังคิดไปก็รีบเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปยังบ้านใหม่ของตระกูลปู้
เมื่อเข้าไปในบ้าน อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีก็มองซ้ายมองขวา แต่กลับไม่เห็นคนตระกูลปู้เลยแม้แต่คนเดียว ที่เห็นก็คือหน้าตาของคนแปลกหน้า ท่านจึงถามพวกเขาถึงข่าวคราวของตระกูลปู้ จึงได้ทราบว่าหลังจากที่ตระกูลปู้สร้างเสร็จได้ไม่กี่ปีก็ตายด้วยโรคฝีดาษระบาดทั้งครอบครัว ที่อาศัยอยู่ในตอนนี้ล้วนคือผู้คนที่อพยพย้ายมาจากต่างถิ่นทั้งสิ้น
เมื่ออาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีได้ยินข่าวคราวเช่นนี้ก็โศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก หวนกลับไปคิดถึงบุญคุณที่ตระกูลปู้เคยเลี้ยงดูอุปการะตนเองมาสิบปี ในใจก็มีความรู้สึกต่อศาลเจ้าเฉิงหวางที่เลอะเทอะนั้นเป็นอย่างมาก ก็เลยไปยังศาลเจ้าและชี้ไปที่เทพเฉิงหวางพูดว่า “เฉิงหวาง เฉิงหวาง ท่านยืนอยู่ในที่สูง มองการณ์ได้ไกล ซื่อตรงและมีคุณธรรม ข้าว่าคงจะไม่ใช่แล้ว ท่านรู้อยู่แก่ใจดีว่าวิธีการของข้าสามารถรับประกันความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับลูกหลานตระกูลปู้ได้ ส่วนวิธีการของอาจารย์ฮวงจุ้ยท้องถิ่นท่านนั้นกลับทำให้ตระกูลปู้ต้องบ้านแตกผู้คนล้มตาย แล้วทำไมท่านยังให้ไม้สั้นกับอาจารย์ฮวงจุ้ยท้องถิ่นท่านนั้น แต่ไม่ใช่ข้า ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ไม่ยุติธรรมและไม่ธรรมหรอกหรือ”
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินคนพูดว่า “น่าเสียดาย น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าท่านจะเข้าใจในชัยภูมิ แต่ท่านไม่เข้าใจการได้รับหลักธรรม” อาจารย์ฮวงจุ้ยที่มาจากเจียงซีรู้สึกตกใจ มองไปรอบๆ ตัวไม่เห็นใครสักคน จึงรู้ว่าเป็นเทพเฉิงหวางมาปรากฎกายแสดงความศักดิ์สิทธิ์ จึงรู้สึกตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
นับตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าใครมาเชิญให้ท่านไปดูฮวงจุ้ย ท่านจะต้องไปเยี่ยมเยียนอย่างลับๆ เพื่อมองดูหลักธรรมหรือคุณธรรมของคนๆ นั้นก่อน ถ้าหลักธรรมหรือคุณธรรมไม่ดีถึงแม้ว่าจะร่ำรวยเงินทองมหาศาลท่านก็จะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 15/03/2557 เวลา 0:38 น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น