Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 3

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 3

• ต้องเลือกพื้นที่ตั้งบ้านที่เป็นผลดี
​ ถ้าพูดกันตามทฤษฎีแล้วหยางจ๋ายควรจะพึ่งพาภูเขาและอยู่ใกล้น้ำ การพึ่งพาภูเขาสามารถได้รับแหล่งทรัพยากรการดำรงชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ ป้องกันน้ำท่วมนา การอยู่ใกล้น้ำเป็นผลดีต่อการทดน้ำเข้า การชะล้าง และการดื่มใช้ อีกทั้งพื้นที่มงคลจะต้องมี “สี่สัตว์เทพเจ้า” (ซึ่งก็คือซ้ายมังกรเขียว ขวาเสือขาว หน้านกหงส์แดง หลังเต่าดำ) รวมถึงเส้นทางน้ำบริเวณโดยรอบ
• หยางจ๋ายควรจะอิงเหนือ ประจันใต้
​ เนื่องจากว่าประเทศจีนตั้งอยู่ทางแถบซีกโลกเหนือ ดังนั้นทิศทางของหยางจ๋ายที่หันไปทางทิศใต้จึงเป็นทิศทางที่ดีที่สุด แน่นอนว่าตามเส้นรุ้งเส้นแวงที่แตกต่างกันของแต่ละท้องที่ก็สามารถเลือกทิศใต้ที่ค่อนไปทางตะวันออกหรือทิศใต้ที่ค่อนไปทางตะวันตกได้
• พื้นที่ตั้งของหยางจ๋ายจะต้องเหมาะสม
​ ที่ดินไม่ควรแฉะเกินไป ไม่ควรลอยตัวเกินไป ไม่ควรแข็งเกินไป พื้นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยจะต้องมีพลังชีวิตจึงจะเหมาะสมกับการดำรงชีวิตอยู่ของคนเราได้
​ สภาพแวดล้อมขนาดใหญ่อาศัยร้อยเมตรเป็นรูปลักษณ์ อาศัยพันเมตรเป็นสภาวการณ์ รูปลักษณ์อาศัยอยู่ภายใน สภาวการณ์ตั้งอยู่ภายนอก สภาพแวดล้อมขนาดเล็กอาศัยปากทางน้ำ (水口 สุ่ยโข่ว) หมิงถัง เป็นสำคัญ ปากทางน้ำหมายถึงพื้นที่ที่มีกระแสน้ำไหลเข้าหรือไหลออก จากกระแสน้ำที่ไหลเข้าไปจนถึงกระแสน้ำที่ไหลออกก็คือขอบข่ายของปากทางน้ำ
• โครงสร้างของหยางจ๋ายจะต้องพิถีพิถันการใช้งานได้จริงและความบริบูรณ์
​ เหล่าบรรพบุรุษได้ให้ความสำคัญกับข้อนี้มานานแล้ว โครงสร้างของหยางจ๋ายต้องให้ความสำคัญกับการได้สัดส่วน ความสมมาตร ความเรียบร้อย และความสมเหตุสมผล เหล่าบรรพบุรุษก็มีมาตรฐานต่อที่อยู่อาศัยคือ ไม่ควรแคบเกินไปและกว้างเกินไป ไม่ควรหลังสูงหน้าต่ำ ไม่ควรขาดมุมแหว่งเว้าทั้งสี่ด้าน ไม่ควรบ้านเล็กหน้าต่างใหญ่ ไม่ควรบ้านใหญ่คนน้อย ไม่ควรมีโถงแต่ไร้ห้อง ไม่ควรคานใหญ่เสาเล็ก และยิ่งไม่ควรให้ห้องนอนเล็งตรงกับประตูทางเข้าของห้องครัว ห้องส้วม และห้องรับแขก เป็นต้น
​ การเลือกที่อยู่อาศัยอุดมคติเป็นความหวังเดียวกันของทุกคน ฮวงจุ้ยก็คือมนุษย์ สิ่งก่อสร้าง และสภาพแวดล้อม ถูกจัดเรียงอยู่ในเวลากับพื้นที่อย่างสมเหตุสมผล วิชาฮวงจุ้ยที่สืบทอดกันมาของจีนเป็นการผสมผสานซึ่งกันและกันของความรู้สึก ที่ได้สัมผัสโดยตรงและการใช้งานจริง ก็คือปัจจัยของคนและเวลากับปัจจัยของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการพิจารณาโดยการสรุปรวบรวม
​ ตามการเลื่อนขั้นอย่างต่อเนื่องของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การรู้จักอย่างลึกซึ้งของคนเราที่มีต่อดาราศาสตร์ อุตุนิยมวิทยา องค์ประกอบและโครงสร้างของชัยภูมิ ระบบนิเวศธรรมชาติ สภาพแวดล้อมอุทกศาสตร์ สิ่งก่อสร้าง การรักษาโรค และวิชาสรีรวิทยากับจิตวิทยา เป็นต้น ได้สร้างโดยอาศัยฮวงจุ้ยระบบนิเวศธรรมชาติเป็นที่พึ่งพา อาศัยสภาพแวดล้อมฮวงจุ้ยที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นระบบสิ่งก่อสร้างอย่างบริบูรณ์ที่เป็นองค์ประกอบเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์
ทำไมที่อยู่อาศัยที่สืบทอดกันมาโดยมากจึงต้องอิงเหนือประจันใต้
​คนจีนชอบบ้านที่อิงเหนือประจันใต้ สาเหตุหลักมีด้วยกันสองข้อ
​ 1.บ้านอิงเหนือประจันใต้ สมัยก่อนเรียกว่าห้องกลาง (ในบ้านล้อมรอบสี่ด้านแบบจีน โดยทั่วไปจะหันหน้าไปทางทิศใต้) เป็นเพราะว่าบ้านประเภทนี้ในฤดูหนาวจะอบอุ่นในฤดูร้อนจะเย็นสบาย มีเส้นแสงที่เพียงพอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฤดูหนาวแสงแดดก็ยังสามารถส่องลึกเข้าไปยังด้านในบ้านได้ ทำให้รู้สึกถึงความสว่างและความอบอุ่น เพียงแค่เข้าบ้านไปเท่านั้นก็จะรู้สึกได้ถึงความสบาย อีกทั้งบ้านในทิศทางนี้พอถึงในฤดูร้อน เมื่อพระอาทิตย์ลอยสูงใกล้จะอยู่เหนือหัวภายในบ้านก็จะไม่ได้รับการส่องแสงที่ร้อนแรง
​ นอกจากนี้ลมตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังสามารถพัดผ่านหน้าต่างเข้ามายังภายในบ้านได้อีกด้วย ทำให้รู้สึกถึงความเย็นสบาย ด้วยเหตุนี้คนจีนจึงยอมที่อาศัยอยู่บ้านเหนือหรือก็คือบ้านที่อิงเหนือประจันใต้นั่นเอง
​ 2.จีนในสมัยก่อนภัยรุกรานหลักที่สำคัญล้วนมาจากทางด้านทิศเหนือ ฉะนั้นในจิตใจของคนจีนมักจะแฝงไว้ด้วยจิตใจที่ต้องเตรียมการป้องกันทางด้านทิศเหนือ จิตใจที่ถูกคุกคามโดยสิ่งที่แฝงไว้นี้และจิตใต้สำนึกจะค่อยๆ ก่อตัวเป็นการแบกรับภาระทางจิตใจอย่างหนึ่งต่อการเปิดประตูทางด้านทิศเหนือ
​ ดังนั้นคนจีนจึงไม่ยอมที่จะอยู่บ้านที่อิงใต้ประจันเหนือ อีกทั้งถ้าหากเปิดประตูทางทิศเหนือ พอถึงในฤดูหนาวประตูหน้าของคุณก็จะได้รับการโจมตีจากลมเหนือ ซึ่งนี่ก็เป็นปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ไม่เปิดประตูทางด้านทิศเหนือ
ข้อเรียกร้องที่มีต่อขนาดและรูปลักษณ์ภายนอกของที่อยู่อาศัย
​ ที่อยู่อาศัยมักจะใช้ก้าวแทนไม้บรรทัดมาเป็นหน่วยในการวัดระดับความยาว สี่ไม้บรรทัดห้านิ้วเป็นหนึ่งก้าว (นี่เป็นการใช้ตามไม้บรรทัดของช่างไม้ซึ่งมีความแตกต่างกับไม้บรรทัดตามท้องตลาดในปัจจุบัน) เก้าไม้บรรทัดเป็นสองก้าว

หนึ่งก้าวเริ่มต้นเป็นเจี้ยน (建) ​​สองก้าวเป็นฉู (除)
สามก้าวเป็นหม่าน (滿) ​​​สี่ก้าวเป็นผิง (平)
ห้าก้าวเป็นติ้ง (定) ​​​​หกก้าวเป็นจื๋อ (執)
เจ็ดก้าวเป็นพั่ว (破) ​​​​แปดก้าวเป็นเหวย (危)
เก้าก้าวเป็นเฉิง (成) ​​​​สิบก้าวเป็นโซว (收)
สิบเอ็ดก้าวเป็นคาย (開) ​​​สิบสองก้าวเป็นปี้ (閉)

ก้าวเหล่านี้ก็มีทั้งที่เป็นมงคลและเป็นอัปมงคล
เจี้ยน (建) เป็นหยวนจี๋ (元吉) ​​ฉู (除) เป็นหมิงถัง (明堂)
หม่าน (滿) เป็นเทียนสิง (天刑) ​​ผิง (平) เป็นเจวี่ยนเสอ (卷舌)
ติ้ง (定) เป็นจินกุ้ย (金櫃) ​​​จื๋อ (執) เป็นเทียนเต๋อ (天德)
พั่ว (破) เป็นชงซา (沖煞) ​​​เหวย (危) เป็นยวี่ถัง (玉堂)
เฉิง (成) เป็นซานเหอ (三合) ​​โซว (收) เป็นเจ๋ยเจี๋ย (賊劫)
คาย (開) เป็นเซิงชี่ (生氣) ​​​ปี้ (閉) เป็นจายฮั่ว (災禍)

​ ก้าวเหล่านี้ใช้อย่างไร บ้านกว้างจะต้องไม่ขัดต่อ หม่าน (滿) ผิง (平) โซว (收) ปี้ (閉) บ้านยาวจะต้องเป็นไปตาม ฉู (除) ติ้ง (定) จื๋อ (執) คาย (開) ถ้าหากจำนวนก้าวของที่อยู่อาศัยร่วมกันกับ ฉู (除) ติ้ง (定) จื๋อ (執) คาย (開) เหวย (危) เจี้ยน (建) จะมีความเป็นสิริมงคล
​ สำหรับโครงสร้างบ้านของที่อยู่อาศัยของประชาชนก็มีข้อเรียกร้องในระดับหนึ่ง คือ พื้นที่ตั้งบ้านจะต้องหน้าสูงหลังต่ำ ไม่ควรหลังสูงหน้าต่ำ พื้นที่ตั้งด้านหน้าแคบด้านหลังกว้างจะร่ำรวยและมีเกียรติ พื้นที่ตั้งหน้ากว้างหลังแคบทรัพย์สินเงินทองจะน้อย พื้นที่ตั้งปรากฏเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมทั้งคนและเงินจะว่างเปล่า พื้นที่ตั้งทั้งสี่มุมล้วนบกพร่องแหว่งเว้าห้ามอยู่อาศัยโดยเด็ดขาด พื้นที่ตั้งบ้านปรากฏเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นมงคล
จำนวนห้องที่เป็นเลขคี่แสดงถึงความราบรื่นและเป็นสิริมงคล
​ ในวิชาฮวงจุ้ยจำนวนห้องมีผลกระทบไม่น้อยต่อฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย ซึ่งตามวิชาฮวงจุ้ยแล้วห้องจำนวนเลขคี่แสดงถึงความเป็นสิริมงคล ตรงกันข้ามเลขคู่จะแสดงถึงความเป็นอัปมงคล แต่สิ่งที่ต้องระวังข้อหนึ่งคือจำนวนห้องที่หมายถึงในที่นี่ไม่แน่เสมอไปว่า จะหมายถึงห้องนอนที่พวกเราพูดถึงกันโดยทั่วไป เพราะว่าตามบันทึกของหนังสือโบราณขอเพียงแค่พื้นที่ที่มีกำแพงสี่ด้านและมี ประตูก็จะเรียกได้ว่าเป็น “ห้อง” ฉะนั้นห้องรับแขก ห้องส้วม ห้องครัว ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องคนงานห้องเก็บของ หรือกระทั่งห้องเก็บเสื้อ เป็นต้น ล้วนสามารถมองได้ว่าเป็นห้องหนึ่งห้อง ทุกคนลองนับดูว่าจำนวนห้องภายในบ้านของคุณเป็นเลขคู่หรือเลขคี่
​ถ้าหาก โชคไม่ดีจำนวนห้องภายในบ้านเป็นเลขคู่ วิธีการแก้ไขนั้นง่ายมาก เพียงแค่เพิ่มห้องหรือลดห้องอีกหนึ่งห้องก็ใช้ได้แล้ว ถึงแม้จะเป็นห้องเก็บเสื้อผ้าหรือห้องเก็บของที่อยู่ในมุมหนึ่งก็ใช้ได้ ขอเพียงแค่มีประตูและกำแพงสี่ด้านก็จะนับว่าเป็นหนึ่งห้อง
วิทยาศาสตร์ควรมีการใช้วัฒนธรรมฮวงจุ้ยในการดำเนินการออกแบบบริเวณภายในของที่อยู่อาศัยอย่างสมเหตุสมผล
​ ชนชาติจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับ “วัฒนธรรมที่อยู่อาศัย” ไม่เพียงแต่จะให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมระบบนิเวศของบริเวณโดยรอบบ้านและ การออกแบบโครงงานของตัวบ้านเองแล้ว ยังให้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมากกับรูปแบบโครงสร้างการจัดวางของประตูบ้าน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องส้วมและห้องนอน ภายในที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดความพึงพอใจต่อข้อเรียกร้องทางการใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัย และยังยกระดับข้อเรียกร้องทางด้านความสบายใจของผู้อยู่อาศัยให้สูงขึ้นอีก ด้วย ดังนั้นจึงทำให้บ้านกลายเป็นสถานที่แห่งความสุขที่สมบูรณ์ของชีวิตคนเรา
• ประตูบ้าน
​ วัฒนธรรมฮวงจุ้ยที่สืบทอดกันมาเชื่อว่า “ประตูบ้านเป็นปากพลัง พลังที่โค้งงอจะรุ่งเรือง พลังที่ตรงจะเป็นความเสื่อมถอย” ความหมายคือ ประตูบ้านของตนเองกับประตูบ้านของเพื่อนบ้านไม่ควรตรงปะทะกัน อากาศที่เคลื่อนตัวเข้าออกผ่านทางประตูไม่ควรพัดเข้าโดยตรง ควรจะมีการวนเวียนและคดเคี้ยว
​ ถ้าหากประตูบ้านกับประตูบ้านของ เพื่อนบ้าน หรือ ทางเดินของตัวอาคาร หรือ ประตูลิฟท์ ตรงกัน หรือเมื่อเข้าประตูบ้านไปก็เป็นห้องรับแขกหรือทางเดินเส้นตรงภายในบ้าน ถ้าเช่นนั้นเมื่อเข้าประตูบ้านไปประมาณ 2-3 เมตร สามารถตั้งวางสิ่งกำบังเอาไว้ได้ ซึ่งคนโบราณเรียกว่าฉากกั้นลมหรือเสวี๋ยนกวาน
หนึ่ง ก็เพื่อสามารถทำให้คนนอกไม่สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ภายในบ้านได้โดยตรง
สอง ก็เพื่อทำให้อากาศที่เข้าออกนั้นเคลื่อนตัวเป็นรูปทรงตัว S และหลีกเลี่ยง “ชวานถังเฟิง ( 穿堂風 ลมพัดทะลุกลางโถง )” ที่เข้าตรงออกตรง เพื่อเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายของผู้อยู่อาศัย
​ นอกจากนี้เมื่อเข้าประตู บ้านไปแล้วไม่ควรตรงกับห้องส้วมหรือห้องครัวพอดี เพราะนี้เป็นการไม่ประสานกลมกลืนกันในด้านจิตใจและความสวยงามของที่อยู่ อาศัย ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ก็จำเป็นจะต้องใช้ประตูที่ไม่โปร่งแสง มาทำเป็นประตูห้องครัวหรือประตูส้วม
​ประตูบ้านไม่ควรเปิดกว้างหรือแคบเกินไป
หนึ่ง ต้องเพื่อสะดวกต่อการเข้าออกของคนกับเฟอร์นิเจอร์
สอง ต้องกำหนดเอาตามขนาดของห้องรับแขกที่อยู่ด้านในประตูบ้าน
ที่ ด้านนอกประตูบ้านจะต้องกว้างขวางและสะอาด ห้ามนำเอาเฟอร์นิเจอร์ชำรุดที่ใช้มานานหลายปีแล้วหรือถังขยะมาตั้งวางเอาไว้ ที่หน้าประตูบ้าน
หนึ่ง เป็นการขัดขวางภาพลักษณ์
สอง เป็นการขัดขวางสุขภาพ
​ สีของประตูบ้านก็ไม่ควรอ่อนเกินไป ควรใช้สีที่มีความหนักแน่น ถ้าหากประตูบ้านหรือหน้าต่างสามารถเปิดในทิศตะวันออกเฉียงใต้ได้จะเป็น ประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคือจะได้รับพลังหยางระหว่างฟ้าและดิน ได้รับความคึกคักกระปรี้กระเปร่า และ ความรู้สึกที่สดชื่น
• ห้องรับแขก
​ คนโบราณพิถีพิถัน “โถงสว่าง ห้องนอนมืด” ห้องรับแขกเป็นสถานที่ที่รวมตัวกันของคนในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย รูปแบบโครงสร้างการจัดตกแต่งก็ต้องพิถีพิถันมาก
หนึ่ง คือ ต้องใช้ห้องที่ใหญ่ที่สุด สว่างที่สุด อากาศถ่ายเทดีที่สุด ภายในบ้านมาทำเป็นห้องรับแขก
สอง คือ ไม่ควรนำเอาห้องรับแขกมากั้นแบ่งเป็นบริเวณ หรือ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์จนทำให้ห้องรับแขกทั้งเต็มทั้งเบียดเสียด ซึ่งเป็นผลดีต่อความราบรื่นคล่องตัวของ “พลัง”
​ เพดานของห้องรับแขกควร พยามให้สูงเข้าไว้ ไม่ควรประดับตกแต่งด้วยโคมไฟห้อยแขวนให้ซับซ้อนหรือเตี้ยจนเกินไป เพราะเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อการส่องแสงและการเคลื่อนตัวของพลังภายในห้องรับ แขก ทำให้ผู้อยู่อาศัยมักจะเกิดความรู้สึกอึดอัดหรือบีบคั้นทางจิตใจ และก็ไม่ควรติดตั้งโคมไฟห้อยแขวนที่มีขนาดใหญ่โตเกินไปหรือแขวนต่ำจนเกินไป โดยเฉพาะที่ต้องระวังคือห้องรับแขกที่มีระดับความสูงไม่ถึงสามเมตรไม่ควร ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอาไว้ตรงกลาง
​ การเลือกสีสันของกำแพง ผ้าม่าน และ เฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขก ต้องอาศัยหลักการ “เหนืออบอุ่นใต้เย็นสบาย” ซึ่งห้องรับแขกที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือให้ใช้โทนสีอบอุ่น ห้องรับแขกที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ให้ใช้โทนสีเย็นสบาย
​ ภายใน ห้องรับแขกถ้าหากว่ามีคานหรือเสานี่เป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก ถ้า หากว่าด้านบนมีคานกดทับ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจหรือด้านความสวยงามล้วนไม่เหมาะสมทั้งสิ้น ควรจะใช้การตีปิดเพื่อบดบังคานเอาไว้ ถ้าหากว่ามีเสาก็ควรจะห่อหุ้มให้เป็นทรงกลม เสารูปทรงสี่เหลี่ยม หรือ รูปทรงสามเหลี่ยม จะไม่เป็นผลดีต่อความปลอดภัยและในด้านความสวยงาม
​• ห้องนอน
​ ห้องนอนเป็นสถานที่ที่คนเราใช้เวลาหนึ่งในสามส่วนของชีวิตฉะนั้นมีคำโบราณ กล่าวเอาไว้ว่า “ห้องนอนตั้งอยู่ในทิศมงคล ทำให้เกิดทั้งโชคลาภและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”
​ ห้องนอนควรเลือกห้อง ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้หรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งมีการเคลื่อนตัวของพลังและการส่องแสงที่เต็มเปี่ยม อีกทั้งยังเป็นที่ที่เลี้ยงดูบำรุงพลังของความสมดุลที่สับเปลี่ยนเข้าแทนที่ ของหยินหยาง ประตูหรือหน้าต่างภายในห้องนอนไม่ควรมีมากเกินไปและใหญ่เกินไป
หนึ่ง จะทำให้ความเป็นส่วนตัวด้อยลง
สอง พลังหยางรุ่งเรืองเกินไปจนทำให้ร้อน
ประตู หรือหน้าต่างก็ไม่ควรน้อยเกินไปและเล็กเกินไป เพราะเช่นนั้นจะทำให้เกิดการอุดตันไม่ถ่ายเทอีกทั้งพลังหยินรุ่งเรืองเกินไป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะไม่เป็นผลดีต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพร่างกาย
​ รูปทรงของห้องนอนที่ดีที่สุดควรเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยม จัตุรัส ไม่ควรเป็นรูปทรงกลม รูปทรงสามเหลี่ยม หรือ รูปทรงหลายเหลี่ยม
​กำแพง พื้น ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ และ ของใช้บนเตียงนอน ควรใช้สีที่อบอุ่นหอมหวาน ไม่ควรใช้สีที่ร้อนแรงเกินไปหรือสีที่เย็นเกินไป
​ วัฒนธรรมฮวงจุ้ยที่สืบทอดกันมาให้ความสำคัญกับการตั้งวางเตียงนอน กล่าวว่า “ควรจะนอนหลับในทิศทางเหนือใต้ จะเป็นมงคล” คือเวลาที่นอนหลับโดยให้หัวหันไปทางทิศเหนือและเท้าหันไปทางทิศใต้ เส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำของคนเรากับทิศทางของแนวเส้นแรงแม่เหล็กจะเป็น ทิศทางเดียวกัน จะเป็นผลดีต่อการนอนหลับและแก้ไขการนอนหลับให้ดีขึ้น
​ เนื้อที่ของห้องนอนไม่ควรใหญ่เกินไป โดยทั่วไปแล้วอยู่ภายใน 10 ตารางเมตร เป็นดี ซึ่งนี่ก็ตรงกับคำโบราณที่กล่าวว่า “บ้านเล็กพลังคนจะรุ่งเรือง” ก็คือจะไม่เป็นเพราะว่าห้องที่ใหญ่เกินไปจนทำให้คนที่นอนหลับต้องสูญเสีย พลังงานของร่างกายอันเนื่องมาจากอุณหภูมิในร่างกายคนเรากับอุณหภูมิห้องที่ มีความแตกต่างกันมากเกินไป
​ เตียงในห้องนอนไม่ควรตรงกับประตูห้องเก็บของ หรือประตูห้องน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงพลังหยินและพลังที่ขุ่นมัวจากสถานที่เหล่านี้ปะทะตรงขึ้น เตียง ทำให้ผู้ที่ขณะนอนหลับจะมีภูมิต้านทานที่ต่ำสุดเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ ทั้งสองด้านของเตียงนอนไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สูงเกินไป และเตียงก็ไม่ควรตรงกับประตูและยิ่งไม่ควรตรงกับกระจก คำโบราณกล่าวว่า “เตียงตรงกับกระจก การนอนหลับขาดความสงบนิ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนดึก ก็ตกใจกลัว” และเตียงก็ไม่ควรอยู่ใกล้กับหน้าต่างและยิ่งไม่ควรตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง หน้าต่างสองบาน
​• ห้องครัว
​ วัฒนธรรมฮวงจุ้ยที่สืบทอดกันมาให้ ความสำคัญกับห้องครัวเป็นที่สุด ฉะนั้นรูปแบบโครงสร้างการจัดตกแต่งห้องครัวภายในที่อยู่อาศัยสมัยโบราณนั้น จึงมีความพิถีพิถันมาก ดังนั้นก็จึงมีคำที่ประชาชนพูดว่า “เทพเจ้าเตาไฟ (灶王爺 จ้าวหวังเหย่)” และก็เนื่องจากว่าห้องครัวเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ง่าย ดังนั้นก็จึงมีประเพณีการติดภาพตัวอักษร “水星高照 สุ่ยซิงเกาจ้าว (ดาวน้ำส่องสว่างสูง)” เอาไว้ภายในห้องครัว ห้องครัวเป็นไฟ ฉะนั้นต้องให้ความสนใจกับรูปแบบโครงสร้างการจัดตกแต่งเพื่อเตรียมการป้องกัน ไฟไหม้เป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรตั้งวางเตาเอาไว้ใกล้หน้าต่าง เพราะการทำเช่นนี้เปลวไฟถูกลมพัดได้ง่ายหรือถูกพัดจนดับ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นอันตรายทั้งสิ้น
​ ปัจจุบันภายในห้องครัวไม่เพียงแต่มีไฟเท่านั้นแต่ ยังมีน้ำ ซึ่งก็ต้องให้ความสำคัญเพราะทั้งสองสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ใกล้กัน คนโบราณเชื่อว่านี่เป็น “การพิฆาตซึ่งกันและกันของน้ำกับไฟ” ปัจจุบันเชื่อว่านี่ทำให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกันได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่น้ำกระเซ็นจะทำให้ดับไฟในเตาได้ง่ายและก่อให้เกิดอันตรายขึ้น บางบ้านยังนำตู้เย็นไปตั้งวางเอาไว้ในห้องครัว ถ้าเช่นนั้นก็จำเป็นจะต้องตั้งให้ห่างจากเตา
หนึ่ง เพื่อรับประกันผลลัพธ์ในการทำความเย็นของตู้เย็น
สอง ยังสามารถประหยัดพลังงานการใช้ไฟของตู้เย็นได้
​ ห้องครัวควรทำประตูไม่ควรทำเป็นห้องครัวรูปแบบเปิด และก็ไม่ควรรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับห้องทานข้าว ห้องครัวเป็นที่ใช้น้ำใช้ไฟส่วนห้องทานข้าวเป็นที่เสพสุขในชีวิตประจำวัน ถ้าทั้งสองสิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกันประโยชน์ในการใช้สอยก็จะผสมปนเป สมัยโบราณเชื่อว่า เตาเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย ห้องทานข้าวเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพร่างกายและการบริโภคใช้จ่าย ฉะนั้นทั้งสองสิ่งจึงควรที่จะแยกจากกันไม่ควรรวมกัน คำโบราณกล่าวว่า “เปิดประตูมามองเห็นเตาจะสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง”
 เนื่องจากว่าห้องครัวเป็นธาตุไฟ ดังนั้นสีสันของตู้ครัวควรใช้โทนสีอ่อน ไม่ควรใช้สีแดง หรือ สีม่วง เป็นต้น
​ ภายในห้องครัวห้ามติดตั้งกระจกเด็ดขาด มีคนชอบติดกระจกเอาไว้ที่ข้างอ่างล้างจานซึ่งเป็นข้อห้ามอย่างยิ่ง เนื่องจากว่ากระจกมีความสามารถในการส่องสะท้อนที่แข็งแกร่ง ถ้าหากมีแสงแดดหรือไฟจากเตาส่องตรงมายังหน้ากระจกมันจะสะท้อนรวมเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้ ซึ่งในสมัยโบราณเรียกว่า “灶光煞 จ้าวกวงซา”
• ห้องส้วม
​ มีหนังสือโบราณกล่าวว่า “ห้องส้วมจะต้องจัดวางให้เหมาะสม มิฉะนั้นแล้วจะได้รับภัยโดยไม่รู้ตัว” ห้องส้วมเป็นพลังหยินและเป็นธาตุน้ำ ลักษณะพิเศษข้อใหญ่ก็คือ เปียกชื้นและสกปรก เป็นพื้นที่ที่แพร่เชื้อแบคทีเรียได้ง่ายที่สุดภายในบ้านและไม่เป็นผลดี อย่างที่สุดต่อสุขภาพร่างกายของคนเราด้วย ดังนั้นจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
​ ห้องส้วมไม่ควรตรงกับ ประตูบ้านหรือห้องรับแขก เพื่อหลีกเลี่ยง “เปิดประตูมามองเห็นส้วม” และ “เข้าห้องรับแขกมาได้กลิ่นเหม็น” ห้องส้วมยิ่งไม่ควรตรงกับห้องครัว อาศัยคำโบราณที่ว่า “น้ำไฟไม่ลงรอยกัน” อาศัยคำพูดตามวิทยาศาสตร์ก็คือห้องครัวเป็นที่สำหรับปรุงอาหารเพื่อใส่เข้า ปาก ส่วนห้องส้วมเป็นที่สำหรับระบายของสกปรก ถ้าหากประตูทั้งสองห้องนี้ตรงกันจะทำให้ไม่เป็นผลดีต่ออาหารรวมถึงสุขภาพ ร่างกายของคนเรา
​ห้องส้วมห้ามจัดวางเอาไว้กลางบ้านโดยเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้ห้องทั้งหมดภายในบ้านเกิดความชื้น การแพร่เชื้อโรค กลิ่นอายสกปรกจะไม่ถ่ายเท ดังนั้นจึงเกิดสภาวการณ์ที่ไม่ดีขึ้นรอบด้าน
​ สรุปวิทยาศาสตร์มีการใช้วัฒนธรรมฮวงจุ้ยโบราณอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งมีส่วนที่มีคุณค่าในการพิจารณาต่อการจัดวางที่อยู่อาศัยในปัจจุบันและ การดำรงชีวิตของพวกเราอย่างเห็นได้ชัด พวกเราควรจะเลือกใช้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้าง “ฮวงจุ้ยใหม่” ที่มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

…ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…
สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า




วันที่ 28/12/2556 เวลา 2:26 น.

ไม่มีความคิดเห็น: