Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 15 ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

เข้าใจฮวงจุ้ยแก้ไขดวงชะตาที่ดี ตอนที่ 15

ตำนานที่น่าสนใจในฮวงจุ้ย

คนที่มีวาสนามีฟ้าคอยช่วยเหลือ
สมัยราชวงศ์ถังมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งชื่อหงจื้อ เขาเป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยที่ได้รับความสนใจจากราชสำนักมาก แต่เขาชอบท่องเที่ยวไปตามภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อ ใช้ชีวิตที่อิสระเสรี อีกทั้งชอบแสวงหาตำแหน่งมังกรตามธรรมชาติ
มีอยู่ครั้งหนึ่งปรมาจารย์หงจื้อท่องเที่ยวกลับมาจากเมืองลั่วหยางแล้วพูดกับเสนาบดีในตอนนั้นว่า ครั้งนี้ข้าได้พบเจอกับตำแหน่งมังกรที่แท้จริงตำแหน่งหนึ่งที่เส้นทางกวานเหมิน ถ้าพูดจากสภาวการณ์มังกรที่มาแล้ว มียอดเขาเก้ายอดโค้งเชื่อมต่อกันมาดุจดั่งกองทัพทหารกำลังออกรบ มีหมิงถังที่กว้างใหญ่ไพศาล ที่ยอดเยี่ยมก็คือบนยอดเขาของมังกรที่มามีสระน้ำที่ใช้เลี้ยงมังกรน้ำที่ใสสะอาด ทางด้านซ้ายขวาของตำแหน่งมีเทือกเขาขึ้นลงเป็นชั้นๆ ซ้ายขวาโอบล้อม มีภูเขาอั้นซานอยู่ทางด้านหน้า และถัดจากภูเขาอั้นซานไปทางด้านหลังเผยให้เห็นถึงยอดเขาที่ปะทะขึ้นไปบนท้องฟ้า ถ้าหากฝังสุสานเอาไว้ที่นี่จะสามารถเป็นตุลการที่ยิ่งใหญ่หรืออัครมหาเสนาบดีได้
เสนาบดีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจมาก ถามว่า “แล้วผู้ใดจะได้รับบุญวาสนานั้น” ปรมาจารย์หงจื้อพูดว่า “ให้ท่านเสนาบดีอ้างกับฮ่องเต้ว่าป่วย แล้วหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านสามวัน ลูกน้องผู้ใต้บังคับของท่านจะต้องมาเยี่ยมเยียนท่านอย่างไม่ขาดสายแน่นอน แล้วข้าจะแอบสำรวจดูเงียบๆ อยู่หลังผ้าม่าน ดูว่าจะมีผู้ใดที่มีวาสนาปรากฏกายขึ้น ก็จะให้พื้นที่นี้แก่คนผู้นั้น”
ท่านเสนาบดีได้ยินก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ยอดเยี่ยมจึงทำตามนั้น ขณะที่อ้างว่าป่วยอยู่สามวันก็มีผู้คนมากมายทั้งข้าราชการตำแหน่งเล็กและใหญ่ต่างก็พากันมาเยี่ยมเยียน ปรมาจารย์หงจื้ออยู่ด้านหลังผ้าม่านคอยสำรวจดูอย่างละเอียด แต่ผู้คนที่พบเห็นนั้นถ้าไม่ใช่ไม่มีวาสนาจะได้รับมัน ก็ไม่มีคุณธรรมพอที่จะอาศัยพื้นที่นั้นอยู่ได้ แล้วท่านปรมาจารย์ก็คิดว่าคนเหล่านี้ต่อให้ฝังลงอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับบุญวาสนานั้นแล้ว แต่กลับจะทำให้นำมาซึ่งภัยพิบัติและความเจ็บป่วยเสียด้วยซ้ำไป ขณะที่ท่านถอนใจ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนรายงานมาจากด้านนอกว่า “ข้าราชการชั้นผู้น้อยหยวนกานเย้ารอพบอยู่ที่หน้าประตู”
เนื่องจากว่าตำแหน่งข้าราชการของเขานั้นเล็กเกินไป ท่านเสนาบดีจึงคิดปฏิเสธที่จะพบ แต่ได้ยินปรมาจารย์หงจื้อพูดว่า “ในเมื่อคนมาแล้วก็รีบๆ ให้พบเถอะ” เสนาบดีได้ยินดังนั้นก็เรียกให้หยวนกานเย้าเข้าพบ
แต่ที่แท้แล้วหยวนกานเย้าไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมท่านเสนาบดี แต่มาเพื่อขอลางาน ในใจของท่านเสนาบดีรู้สึกรำคาญ แต่ได้ยินปรมาจารย์หงจื้อพูดมาจากทางด้านหลังผ้าม่านว่า “คนๆ นี้มีเกียรติและสูงศักดิ์เช่นเดียวกันกับท่าน ท่านไม่ควรที่จะเฉยเมย พื้นที่แห่งนี้อย่างไรก็ต้องเป็นของเขาผู้นี้” ขณะที่ท่านเสนาบดีกำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินหยวนกานเย้าขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “สุสานบรรพบุรุษของข้าอยู่ที่ลั่วหยางกวานเหมิน ปีนี้พ่อของข้าก็เสียชีวิตลง ขอท่านได้โปรดอนุญาตให้ข้าลากลับบ้านเพื่อไปอำลาบรรพบุรุษด้วย”
ท่านเสนาบดีและปรมาจารย์หงจื้อเมื่อได้ยินดังนั้นก็มีความคิดเห็นเดียวกัน ท่านเสนาบดีก็เลยนำคำพูดของปรมาจารย์หงจื้อพูดให้หยวนกานเจ้าฟังหนึ่งรอบ พร้อมทั้งต้องการให้หยวนกานเย้ากลับไปพร้อมกันกับท่านปรมาจารย์หงจื้อ เพื่อช่วยให้เขาได้รับพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่านั้นในการฝังบรรพบุรุษ
คิดไม่ถึงว่าหยวนกานเย้ากลับปฏิเสธแล้วพูดว่า “ข้าเป็นข้าราชการมือสะอาด ครอบครัวยากจน ไม่มีเงินซื้อพื้นที่ฮวงจุ้ยล้ำค่าที่ดีนี้ได้หรอก อีกทั้งด้วยสถานะของข้าแล้วไม่มีคุณสมบัติที่จะเชิญท่านปรมาจารย์หงจื้อมาช่วยข้าฝังบรรพบรุษ”
จากการปฏิเสธหลายครั้งหลายคราของหยวนกานเย้า ทั้งท่านเสนาบดีและปรมาจารย์หงจื้อจึงได้แต่ถอนใจและยอมล้มเลิกไป หยวนกานเย้าจึงกลับบ้านไปเพียงลำพัง
เรื่องราวผ่านไปสองปี ปรมาจารย์หงจื้อได้ออกไปท่องเที่ยวยังเมืองลั่วหยางและผ่านเส้นทางกวานเหมินอีกครั้ง เขาก็เลยไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดของหยวนกานเย้าพร้อมทั้งถามถึงตำแหน่งสุสานบรรพบุรุษ และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดและเป็นความบังเอิญอย่างที่สุด
ที่แท้แล้วสุสานพ่อของหยวนกานเย้านั้นฝังอยู่ในตำแหน่งที่ท่านปรมาจารย์หงจื้อคิดจะมอบให้เขานั่นเอง ท่านปรมาจารย์ก็เลยเปิดเข็มทิศออกมาวัดทิศทาง สำรวจทั้งด้านหน้าด้านหลัง ตรวจสอบอยู่นานแล้วก็พูดว่า “เป็นธรรมชาติที่ฟ้าสร้างจริงๆ คนที่มีวาสนาก็จะต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีวาสนา”
หลังจากที่ปรมาจารย์หงจื้อกลับไปก็ได้นำเรื่องนี้บอกกล่าวแก่ท่านเสนาบดี พร้อมทั้งพูดว่า “เป็นฟ้าช่วยหยวนกานเย้าผู้มีเกียรติและสูงศักดิ์จริงๆ”
ต่อมาหยวนกานเย้าจากข้าราชการชั้นผู้น้อยก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นอัครมหาเสนาบดี เขารุ่งเรืองเร็วมากภายในเวลาไม่เกินยี่สิบปี

อาจารย์ฮวงจุ้ยและหญิงแก่มีเมตตาคนหนึ่ง
มีอาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่งตลอดชีวิตล้วนแสวงหาชีพจรมังกรตามที่ว่ากันในหนังสือประวัติศาสตร์ วันหนึ่งท่านออกตามหายังภูเขาน้อยใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าท่ามกลางแดดที่ร้อนแรง แม้แต่ร่องรอยของน้ำก็มองหาไม่เจอ ขณะที่ท่านหิวน้ำมากอยู่นั้นทันใดก็มองเห็นบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป จึงรีบไปยืนเรียกอยู่หน้าประตู ผ่านไปครึ่งวันมีหญิงชราค่อยๆ เดินออกมาเปิดประตู อาจารย์ฮวงจุ้ยก็เช็ดเหงื่อบนหน้าไม่หยุดพร้อมทั้งพูดว่า “ท่านยายให้น้ำข้าดื่มหน่อยจะได้ไหม” หญิงชรามองหน้าที่แดงก่ำและแม้แต่ลำคอก็ถูกแดดเผาของอาจารย์ฮวงจุ้ยแล้วพูดว่า “รอสักครู่” จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้านและไม่ได้ให้อาจารย์ฮวงจุ้ยเข้ามานั่งรอในบ้านด้วย
ผ่านไปอีกครึ่งวัน ขณะที่อาจารย์ฮวงจุ้ยรออย่างไร้อารมณ์อยู่นั่นเอง หญิงชราก็ค่อยๆ เดินออกมาและในมือก็มีน้ำหนึ่งถ้วย อาจารย์ฮวงจุ้ยก็รีบรับถ้วยน้ำมาจากหญิงชรา ขณะกำลังคิดว่าจะดื่มลงไปทีเดียวหมดนั้นก็พบว่าน้ำในถ้วยมีรำข้าวลอยอยู่ ในใจของอาจารย์ฮวงจุ้ยรู้สึกโกรธมากแต่ก็ดื่มน้ำลงไป แล้วก็คิดว่า “หญิงชราคนนี้แท้ที่จริงแล้วไม่ใจดีเลยแม้แต่น้อยแล้วก็ยังขี้งกมากอีกด้วย ขอน้ำสะอาดดื่มหนึ่งถ้วยก็ไม่ให้ ดูว่าข้าจะลงโทษหญิงชราเจ้าอย่างไร” จากนั้นก็พูดกับหญิงชราว่า “ท่านยายขอบคุณสำหรับน้ำของท่าน ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าเป็นอาจารย์ ฮวงจุ้ยข้าก็จะดูหยินจ๋ายให้ท่านแล้วกัน หลังจากนี้ไปอีกร้อยปีท่านก็จะสามารถพักผ่อนอยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย”
หญิงชราก็เลยตามอาจารย์ฮวงจุ้ยไปที่ด้านหลังเขา อาจารย์ฮวงจุ้ยหยิบเข็มทิศออกมาทำการวัด หลังจากนั้นก็วาดตัวอักษร 十 ลงไปบนพื้นแล้วพูดกับหญิงชราว่า “นี่เป็นพื้นที่ที่มีความรุ่งเรืองผืนหนึ่ง หลังจากนี้ไปอีกร้อยปีท่านก็พักผ่อนที่นี่เถอะ” หญิงชราตอบตกลงแล้วพูดว่า “ท่านรีบไปเถอะพายุกำลังจะมา”
เวลาผ่านไปสิบกว่าปีอาจารย์ฮวงจุ้ยก็ผ่านไปยังพื้นที่บริเวณนี้อีกครั้ง เขานึกถึงหญิงชราคนนั้นขึ้นมา ในตอนนั้นพื้นที่ที่เขาให้ไปจริงๆ แล้วเป็น “พื้นที่สูญสิ้น (หรือพื้นที่มรณะ) 絕地 เจวี๋ยะตี้” หรือก็คือถ้าหากหญิงชราถูกฝังอยู่ที่นี่ครอบครัวก็จะตกต่ำล้มเหลวและไม่มีลูกหลานสืบตระกูล
อาจารย์ฮวงจุ้ยมาถึงยังพื้นที่สุสานผืนนั้น มองปราดเดียวก็เห็นพื้นที่ที่เขาเลือกเอาไว้ผืนนี้มีป้ายสุสานตั้งอยู่ อาจารย์ฮวงจุ้ยหันหลังมองกลับไปบ้านเก่าๆ หลังนั้นก็ไม่เห็นแล้ว แล้วที่เขาด้านล่างในตอนนั้นก็เกือบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อาจารย์ลงมาที่เขาด้านล่างและเคาะประตูบ้านที่หรูหราที่สุดในหมู่บ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาและต้อนรับเขาเป็นอย่างดี
อาจารย์ฮวงจุ้ยถามถึงข่าวคราวของหญิงชรากับบ้านเก่าหลังนั้นจากชายหนุ่ม ชายหนุ่มพูดว่า “ท่านก็คืออาจารย์ฮวงจุ้ยคนนั้นหรอกหรือ หลังจากที่ท่านจากไปได้ไม่นานท่านยายของข้าก็ตาย ก่อนตายท่านยายยังพูดถึงท่านกับพวกเรา และยังให้พวกเรานำท่านยายมาฝังไว้บนที่ผืนนั้นให้ได้ ท่านบอกว่านั่นเป็นที่ที่ท่านช่วยเลือกให้ท่านยายด้วยความตั้งใจ”
ชายหนุ่มเล่าไปเรื่อยๆ และเอาน้ำหนึ่งถ้วยให้อาจารย์ฮวงจุ้ย “ท่านค่อยๆ ดื่ม ท่านเดินมาเหนื่อยและร้อน จึงไม่ควรดื่มเร็วเกินไป นี่เป็นคำพูดของท่านยายข้า ในตอนนั้นที่ท่านยายให้น้ำท่านดื่ม ท่านคงไม่ได้โกรธนะ ทุกคนที่ผ่านมาขอน้ำดื่มท่านยายจะใส่รำข้าวลงไปบนน้ำเล็กน้อย เพื่อไม่ให้คนที่ผ่านมานั้นดื่มน้ำเร็วเกินไปจนทำร้ายสุขภาพร่างกาย”
อาจารย์ฮวงจุ้ยรู้สึกเสียใจก็สายไปเสียแล้ว แต่เมื่อมองครอบครัวที่มีความเจริญรุ่งเรืองนี้แล้วอาจารย์ฮวงจุ้ยก็ยังคิดไม่ออกว่าในตอนนั้นเขาดูผิดไปหรือ นี่เป็นไปไม่ได้ อาจารย์ฮวงจุ้ยก็เลยไปยังพื้นที่ตั้งสุสานกับชายหนุ่มอีกครั้ง เขานำเข็มทิศออกมาและทำการวัดอย่างละเอียดอีกครั้ง “นี่เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้” อาจารย์ฮวงจุ้ยยิ่งดูก็ยิ่งตกใจ คิดไม่ถึงว่านี่ก็คือชีพจรมังกรที่เขาใฝ่ฝันตามหาหรอกหรือ
ชายหนุ่มพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกับอาจารย์ฮวงจุ้ยว่า หลังจากที่ท่านจากไปได้ไม่นาน ก็มีพายุเข้าอีกทั้งฝนตกหนักติดต่อกันสามวันสามคืน ต่อมาก็มีน้ำไหลบ่ามาจากภูเขาอย่างฉับพลันปะทะเอาสิ่งของที่มีอยู่เกือบจะทั้งหมดไป บ้านเก่าหลังนั้นของข้าก็ถูกน้ำที่ไหลบ่ามานั้นปะทะไปด้วยเช่นกัน
ผ่านไปไม่นานท่านยายของข้าก็ตาย ก่อนตายก็หาที่ผืนนั้นของท่านอย่างยากลำบากกว่าจะเจอ ท่านยายของข้าบอกว่าเพียงแค่เอาท่านยายฝังเอาไว้บนที่ผืนนี้ พวกเราทั้งครอบครัวก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
หลังจากที่น้ำท่วมผ่านไป เดิมทีพื้นที่ตรงนี้มีชาวบ้านตั้งอยู่อาศัย แต่ตอนนี้กลายเป็นที่ที่มีชื่อเสียงของท้องถิ่น และตรงนี้เดิมทีก็มีเพียงแค่ไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันก็ได้กลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะท่าน
ที่แท้แล้วน้ำที่ไหลบ่ามาจากภูเขาครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง วิชาฮวงจุ้ยเชื่อว่าในการใช้ชีวิตของคนๆ หนึ่งจะต้องปฏิบัติและมีความประพฤติที่ดีงาม และต้องคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ เพียงแค่คุณมีจริยธรรมที่สูงส่ง ทำอะไรก็มีความเที่ยงธรรม คนอื่นก็ยากที่จะทำร้ายคุณได้ ขอเพียงแค่พวกเราทำในสิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ควรได้มันก็จะได้มาเอง

นักบวชเต๋าที่ทำลายฮวงจุ้ยสุสานตระกูลหลี่ (李)
ในใจของคนธรรมดาทั่วๆ ไปเชื่อว่าตำแหน่งที่ดีในฮวงจุ้ยที่ดีเหมือนดั่งแฝงไว้ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวย ฉะนั้นจึงคิดพยายามแสวงหาตำแหน่งที่เป็นมงคล ถ้าหากตำแหน่งมงคลมีเจ้าของแล้วก็ยังไม่ยอมเลิกล้มและคิดว่าจะขโมยฮวงจุ้ย นี่ก็ถือเป็นการทำลายคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง
สมัยราชวงศ์ชิงในมณฑลฮกเกี้ยนมีภูเขาใหญ่อยู่ลูกหนึ่ง ในภูเขาลูกนั้นมีสุสานที่มีฮวงจุ้ยที่ดีมากซึ่งเป็นของตระกูลหลี่ ลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลหลี่เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยมารุ่นสู่รุ่น
ในสมัยนั้นมีนักบวชเต๋าที่มีความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์ตัวเลข ซึ่งเขาก็มีจิตใจที่จะยึดครองตำแหน่งมงคลนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสที่ดี ทันใดนั้นเองลูกสาวของนักบวชเต๋าก็ป่วยหนักอาการร่อแร่ ระหว่างที่เจ็บหนักใกล้ตายนักบวชเต๋าก็พูดกับลูกสาวว่า “เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ โชคไม่ดีที่เจ้าต้องป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ จะช้าจะเร็วก็ต้องตาย ไม่ใช่ว่าพ่อจะใจร้าย แต่ก่อนที่เจ้าจะสิ้นลมพ่อต้องการตัดของสิ่งหนึ่งบนตัวของเจ้า ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อที่เลี้ยงเจ้ามาสิบกว่าปีก็แล้วกัน”
ลูกสาวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นตะลึง “สิ่งที่เรียกว่า เนื้อหนังมังสาในร่างกายนั้นได้รับมาจากพ่อแม่ วันนี้พ่อต้องการลูกก็ไม่กล้าที่จะคัดค้าน แต่อยากจะรู้ถึงเหตุผล”
นักบวชเต๋าพูดว่า “พ่อมีความคิดจะแอบใช้สุสานของตระกูลหลี่มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสที่ดี เนื่องจาก ว่าต้องการกระดูกของลูกแท้ๆ ที่เกิดจากพ่อ แล้วแอบไปฝังเอาไว้ในสุสานจึงจะมีความขลัง อีกทั้งจำเป็นจะต้องเป็นกระดูกของลูกแท้ๆที่ใกล้ตายแต่ยังไม่ตายเช่นเจ้าจึงจะมีความขลัง ดังนั้นให้พ่อได้เอากระดูกจากในตัวเจ้าเถอะ”
ลูกสาวยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นใดๆ นักบวชเต๋าก็เอามีดฟันลงไปที่กระดูกท่อนแขนของลูกสาว หลังจากนั้นก็เก็บเอาไว้ในเขาแพะแล้วแอบเอาไปฝังไว้ในสุสานตระกูลหลี่ นับแต่นั้นมาตระกูลหลี่ก็เกิดเรื่องราวที่ไม่สมความปรารถนาขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนครอบครัวของนักบวชเต๋าก็ดีวันดีคืนเจริญรุ่งเรืองขึ้น ผ่านไประยะหนึ่งคนในตระกูลหลี่ก็พบว่าดวงชะตาของทั้งสองตระกูลนี้ เมื่อตระกูลหนึ่งมีสิ่งหนึ่งขาดหาย อีกตระกูลก็จะมีเพิ่มขึ้น เมื่อคนในครอบครัวตระกูลหลี่ที่เป็นข้าราชการชั้นเอกตายลงหนึ่งคน ครอบครัวนักบวชเต๋าก็มีคนสอบได้เป็นข้าราชการชั้นเอกหนึ่งคน เมื่อผลิตผลไร่นาของตระกูลหลี่ลดลงสิบโต่ว (1 โต่ว=10 ลิตร) ผลิตผลไร่นาของตระกูลนักบวชเต๋าก็เพิ่มขึ้นมาสิบโต่ว ถึงแม้ว่าคนในครอบครัวตระกูลหลี่จะรู้สึกแปลกประหลาดใจมากแต่ก็ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง ให้อาจารย์ฮวงจุ้ยมาดูก็หาสาเหตุไม่เจอ
ต่อมาในเทศกาลเชงเม้งของปีหนึ่ง คนในหมู่บ้านแห่ต้อนรับเทพเจ้าต้าตี้ หามรูปปั้นเทพเจ้าตระเวนไปทั่วแต่ไม่มีความคึกคัก เมื่อคนในหมู่บ้านหามรูปปั้นเดินมาถึงข้างสุสานตระกูลหลี่ เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้นในทันใด รูปปั้นเทพเจ้าหนักจนยกไม่ขึ้น ถึงแม้จะใช้คนเป็นสิบก็ไม่ขยับ เหมือนกับว่ามีรากงอกออกมา ขณะที่ทุกคนกำลังงงตะลึงกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งถูกเทพเจ้าสิงร่างพร้อมทั้งตะโกนร้องเสียงดัง “ข้าคือเทพต้าตี้ พวกเจ้าจงฟัง สุสานตระกูลหลี่มีปีศาจมาทำลายฮวงจุ้ย จำเป็นจะต้องจับกุมตัวทันที พวกเจ้ารีบกลับบ้านไปเอาจอบ พลั่ว มาจับปีศาจ รีบไปรีบมา”
ในตอนที่กำลังทำพิธีต้อนรับเทพเจ้าอยู่นั้นก็มีพี่น้องตระกูลหลี่มากมายรวมอยู่ด้วย ก็เลยรีบทำตามคำสั่งกลับไปเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาเพื่อทำการจับปีศาจ หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันที่สุสานตระกูลหลี่ แล้วก็ต่างขุดบริเวณรอบๆ สุสานเพื่อค้นหา สุดท้ายแล้วค้นพบเขาแพะถูกฝังลึกอยู่ใต้สุสาน ตรงเขาแพะมีงูสีแดงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งวนเวียนยกหัวแลบลิ้นอยู่ตรงนั้น ทุกคนพากันฆ่างูให้ตายแล้วนำเอาเขาแพะออกมาดูอย่างละเอียดพบว่าที่ด้านข้างของเขาแพะมีตัวอักษรเล็กๆ แกะสลักอยู่ ซึ่งที่แกะสลักอยู่บนเขาแพะนั้นเป็นรายชื่อคนในตระกูลของนักบวชเต๋าทั้งหมด
ถึงตรงนี้ทุกคนต่างก็รู้แจ้งและเข้าใจถึงกลอุบายของนักบวชเต๋าที่แอบฝังเอาไว้ในสุสาน หลังจากที่ความจริงเปิดเผย นักบวชเต๋าก็ถูกส่งไปยังราชสำนัก ส่วนตระกูลหลี่นับแต่นั้นก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง

ติดตามต่อสัปดาห์หน้านะครับ…สวัสดีครับ
ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฮวงจุ้ยผ่านทางเฟซบุ๊คได้ที่ เพจฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
https://www.facebook.com/pages/ฮวงจุ้ยอาจารย์หม่า
วันที่ 22/03/2557 เวลา 2:41 น

ไม่มีความคิดเห็น: